ร้านอาหารหม้อไฟแบบบริการตนเองชื่อ Yangyuchu (杨御厨无人火锅店) ตั้งอยู่ในเขตจินหนิว นครเฉิงตู มีไอเดียธุรกิจที่แตกต่างจากร้านอาหารหม้อไฟแบบดั้งเดิม โดยลูกค้าจะต้องบริการตนเองในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การหยิบจาน-หม้อ การเลือกอาหาร การชำระเงิน และเก็บกวาดโต๊ะหลังรับประทานเสร็จ

เมื่อลูกค้าเดินเข้าไปในร้าน จะมีเสียงแจ้งเตือนบริเวณประตู และคำอธิบายวิธีการให้บริการ “ยินดีต้อนรับสู่ร้านหม้อไฟแบบบริการตนเอง คุณลูกค้าสามารถสแกน QR Code ตรงตู้แช่เย็นเพื่อเปิดประตูและเลือกอาหารตามที่ต้องการ ระบบจะหักค่าอาหารอัตโนมัติเมื่อปิดประตูตู้เย็น” ภายในร้านมีพื้นที่ 60 ตร.ม. ประกอบด้วยโซนตู้อาหารที่มีป้ายบอกราคาและระบบคิดเงินอัตโนมัติ โซนหยิบจาน โซนหม้อ โซนน้ำจิ้ม และโซนเก็บจาน แต่ละโซนมีการติดป้ายอย่างชัดเจน ดังนั้นร้านจึงไม่จำเป็นต้องมีพนักงานคิดเงินและพนักงานเสิร์ฟ และช่วยให้ใช้พื้นที่น้อยลง ทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายในการจ้างพนักงาน และค่าเช่าพื้นที่ร้าน ร้านจึงสามารถกำหนดราคาค่าอาหารได้ถูกลง  เป็นการลดภาระค่าใช้จ่ายให้แก่ผู้บริโภคได้ส่วนหนึ่ง

เจ้าหน้าที่ร้านเปิดเผยว่า ตั้งแต่เปิดร้านในเดือนกันยายน 2564 จนถึงปัจจุบัน มียอดขายประมาณ 120,000 – 150,000 หยวนต่อเดือน โดยลูกค้าจะนิยมเข้ามารับประทานในช่วงเวลา 17:00 ถึง 22:00 น. ที่ผ่านมาไม่เคยประสบปัญหาเรื่องลูกค้าขโมยอาหาร แต่ประสบปัญหาเรื่องลูกค้าบางส่วนไม่สะดวกเก็บโต๊ะหลังรับประทานเสร็จ ทางร้านจึงขอความร่วมมือลูกค้าแนะนำให้ลูกค้าทำความสะอาดด้วยความสมัครใจ ซึ่งลูกค้าร้อยละ 80-90 สะดวกเก็บโต๊ะด้วยตนเองโดยสมัครใจ โต๊ะที่เหลือจะมีพนักงาน part-time ของร้านเข้ามาเก็บในเวลา 08.00 น. ของทุกเช้า

ปัจจุบัน เทคโนโลยีดิจิทัลพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว และเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของเรามากขึ้น แนวคิดธุรกิจหม้อไฟแบบบริการตนเอง เป็นการนำเทคโนโลยีมาต่อยอดในด้านธุรกิจ ปัจจุบัน มีธุรกิจแบบบริการตนเองเกิดขึ้นมากมายในจีน อาทิ ร้านสะดวกซื้อแบบบริการตนเอง ตู้จำหน่ายสินค้าที่มีหุ่นยนต์ส่งสินค้าอัจฉริยะ หรือร้านอาหารที่ให้บริการโดยหุ่นยนต์ ฯลฯ ผู้ประกอบการไทยอาจนำแนวคิดดังกล่าวไปปรับกลยุทธ์ และพัฒนาต่อยอดการดำเนินธุรกิจให้ครบวงจรมากขึ้น ซึ่งไม่เพียงแต่จะช่วยลดต้นทุน เพิ่มผลกำไรให้ผู้ประกอบการ แต่ยังเป็นการช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายให้แก่ผู้บริโภคอีกด้วย นับเป็นการดำเนินธุรกิจในลักษณะ Win-Win ที่น่าจะได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นต่อไป

 

แหล่งข้อมูลอ้างอิง : เว็บไซต์สำนักข่าว China news (เข้าถึงครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2565)

https://m.chinanews.com/wap/detail/chs/sp/9678748.shtml

ที่มา : https://thaibizchina.com/