“สรุป TIMELINE การแพร่ระบาดไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ จากจีน สู่ความวิตกระดับโลก”

.

31 ธันวาคม2562 มีรายงานการติดเชื้อปอดอักเสบในอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย ประเทศจีน 27ราย

.

3 มกราคม 2562 เพิ่มเป็น 44ราย

.

9 มกราคม 2563 ติดเชื้อในอู่ฮั่น 59ราย ในจำนวนผู้ติดเชื้อมีผู้ติดเชื้อจำนวนมาก ทำงานหรืออย่างน้อยก็เคยไปตลาดขายอาหารทะเลฮว๋าหนาน เมืองอู่ฮั่น ซึ่งที่นี่มีการลอบแอบขายสัตว์ป่า

องค์การอนามัยโลกและทางการจีน ระบุว่า ผลการตรวจสอบสรุปออกมาได้ว่า เชื้อไวรัสนี้เป็นเชื้อไวรัสโคโรน่า (coronavirus) ที่เคยก่อให้เกิดโรค SARS และ MERS แต่เป็น “สายพันธุ์ใหม่ ที่แตกต่างจากโคโรน่าไวรัสที่เป็นต้นเหตุของ SARS และ MERS” ดังนั้นไม่น่าใช่ SARSและMERS

.

11 มกราคม 2563 ทางสาธารณสุขเมืองอู่ฮั่นประกาศ “ผู้เสียชีวิตรายแรก จากไวรัสโคโรนาชนิดใหม่”

ผู้เสียชีวิต เป็นชายชาวจีนอายุ 61ปี เสียชีวิตเมื่อกลางดึกของคืนวันพฤหัสบดีที่ 9 มกราคม 2563 จากการติดเชื้อไวรัสโคโรนาชนิดใหม่ โดยผู้เสียชีวิตมีอาการของเนื้องอกในช่องท้องและโรคตับเรื้อรังอีกด้วย

ศาสตราจารย์ Yuen Kwok-yung แห่งมหาวิทยาลัยฮ่องกง ( University of Hong Kong) ระบุว่า ไม่มีหลักฐานใดๆที่ชี้ว่า มีการติดต่อจากคนสู่คน ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้น้อยมากๆที่เชื้อนี้จะมีการแพร่จากอู่ฮั่นไปยังเมืองต่างๆของจีนช่วงการเดินทางครั้งใหญ่ของคนจีนผ่านขนส่งมวลชนและการท่องเที่ยวระหว่างเทศกาลตรุษจีน

.

13 มกราคม 2563 พบผู้ติดเชื้อนอกจีนเป็นครั้งแรก ที่ประเทศไทย

เป็นนักท่องเที่ยวชาวจีนวัย61ปี ที่เดินทางมาจากอู่ฮั่น ติดเชื้อไวรัสโคโรนาชนิดใหม่

“ความกังวลของการแพร่ระบาด เริ่มสูงขึ้น จากเคสนี้”

เพราะจากการตรวจสอบ ผู้ติดเชื้อรายนี้ที่ไทย ไม่เคยเดินทางไปหรือเกี่ยวข้องกับตลาดอาหารทะเลอู่ฮั่นเหมือนกับผู้ติดเชื้อรายอื่นๆ แต่เคยเดินทางไปยังตลาดอื่นๆก่อนมาไทย ทางการจีนจึงเร่งค้นหาแหล่งต้นตอต่อไปว่าเชื้อถูกแพร่จากที่ไหนบ้าง

.

16 มกราคม 2563 พบผู้ติดเชื้อนอกจีนรายที่ 2 ที่ญี่ปุ่น และเป็นชาวต่างชาติรายแรก โดยเป็นชายชาวญี่ปุ่น จังหวัดคานากาว่า มีประวัติเดินทางไปยังเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน

ในวันเดียวกัน ราว 23.55น.ตามเวลาท้องถิ่นจีน
สาธารณสุขเมืองอู่ฮั่นแถลงผ่านเว็บไซต์ทางการว่า

“มีผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัสโคโรน่าชนิดใหม่ รายที่2 เป็นชายวัย69ปี และ ณ ขณะนั้นมีผู้ติดเชื้ออาการโคม่าพักรักษาตัวในโรงพยาบาล 5 ราย”

.

17 มกราคม 2563 พบนักท่องเที่ยวจีนเดินทางจากอู่ฮั่นเข้าไทย ติดเชื้อไวรัสโคโรนาชนิดใหม่เป็นรายที่2ของไทย และเป็นผู้ป่วยที่พบว่าติดเชื้อนอกจีนเป็นรายที่3

ผู้ติดเชื้อรายนี้ เป็นหญิงวัย74ปี เดินทางเข้าไทย ณ สนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อวันจันทร์ที่13 มกราคม 2563

.

19 มกราคม 2563 สถานการณ์การแพร่ระบาดเริ่มส่อแววรุนแรงหนัก เมื่อมีข่าวลือในโลกโซเชียลจีนว่า “มีผู้ติดเชื้อในจีน ที่ไม่ใช่ในเมืองอู่ฮั่นเป็นครั้งแรก โดยพบที่เซี่ยงไฮ้ และ เซินเจิ้น”

หน่วยสาธารณสุขของเซี่ยงไฮ้และเซินเจิ้นยืนยันว่า ยังไม่พบ

.

20 มกราคม 2563 จุดเริ่มต้นของกระแสความรุนแรงการแพร่ระบาด

– อู่ฮั่นยืนยัน มีผู้เสียชีวิตรายที่3
– มีผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้น 130ราย เพียงแค่ช่วงเสาร์อาทิตย์ (18-19มกราคม) 2วันเท่านั้น ตัวเลขผู้ติดเชื้อรวม 198ราย

– พบผู้ติดเชื้อนอกอู่ฮั่น ที่ปักกิ่งและเซินเจิ้น รวมทั้ง

– ผู้ติดเชื้อรายแรกในเกาหลีใต้ และเป็นรายที่4 ที่ติดนอกจีน เป็นหญิงวัย35ปี ชาวเมืองอู่ฮั่น บินจากอู่ฮั่นมาที่สนามบินอินชอน เมื่อวันอาทิตย์ 19มกราคม2563 โดยเข้ามาเกาหลีใต้ขณะมีอาการไข้สูง

– WHO องค์การอนามัยโลกเผยความเป็นไปได้ที่อาจติดจากคนสู่คน เป็นครั้งแรก

– ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคซาร์สในจีน และ WHOองค์การอนามัยโลก เห็นตรงกันว่า “ตอนนี้ติดจากคนสู่คนแล้ว” โดยอาจมีพาหะแรกของการระบาดที่อู่ฮั่น เป็น “เนื้อสัตว์และอาหารทะเลในตลาดค้าส่งอาหารทะเลอู่ฮั่น”

– องค์การอนามัยโลก ประกาศประชุมฉุกเฉินเพื่อรับมือการระบาด ในวันพุธ (22มกราคม2563)

.

21 มกราคม 2563 ผู้ติดเชื้อในอู่ฮั่นเสียชีวิตรายที่4
และความวิตกครั้งใหญ่ ” ไวรัสโคโรนาชนิดใหม่สามารถติดจากคนสู่คนได้” เมื่อบุคลากรทางการแพทย์ที่ดูแลเคสผู้ติดเชื้อกลับติดเชื้อเสียเอง 15ราย / พบผู้ติดเชื้อรายแรก ในหลายพื้นที่ของจีนนอกอู่ฮั่น

– ผู้เสียชีวิตรายที่4 เป็นชาย อายุ 89ปี

– พบผู้ติดเชื้อรายแรก ในหลายพื้นที่ของจีนนอกอู่ฮั่น เช่น ไต้หวัน, มณฑลเหอหนาน ,ฉงชิ่ง,ซื่อชวน,หยุนหนาน,หูหนาน,ซานตง ทำให้มีผู้ติดเชื้อในจีน ทั้งสิ้น มากกว่า 320ราย และมีผู้ต้องสงสัยในฮ่องกงสูงถึง 117ราย

– เมืองอู่ฮั่น ตัดสินใจเลื่อนจัดกิจกรรมแบบไม่มีกำหนด “เข้าชมสถานที่ท่องเที่ยวฟรี กว่า30แห่ง ต้อนรับตรุษจีน ระหว่างวันที่ 25มกราคม – 8 กุมภาพันธ์ 2563” เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อไวรัสโคโรนาชนิดใหม่

– สาธารณสุขเมืองอู่ฮั่นแถลง “ทางการจีนออกค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลทั้งหมดไม่ว่าจะแบบผู้ป่วยในหรือผู้ป่วยนอกสำหรับผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรน่าชนิดใหม่-ปอดอักเสบอู่ฮั่น”

– ทางการจีนและอู่ฮั่นออกมาตรการรับมือ มุ่งเน้นที่ลดการเดินทาง เช่น ฟรีค่าธรรมเนียมคืนตั๋วเดินทางทั้งรถไฟ,เรือ,รถบัส และเครื่องบิน

.

22 มกราคม 2563 พบผู้ติดเชื้อนอกประเทศจีน รายที่5 ที่อเมริกา โดยเป็นชาวอเมริกัน , รายที่6และ7 ที่ไทย โดยรายที่7เป็นคนไทยที่กลับจากอู่ฮั่น/เสียชีวิต17รายและติดเชื้อมากกว่า550รายในจีน

– สาธารณสุขไทยรายงาน ผู้ติดเชื้อในไทย2รายแรก ออกจากรพ.และกลับประเทศจีนแล้ว ทำให้มีผู้ติดเชื้อเหลือรักษาในไทย 2ราย

– สวนสัตว์เมืองอู่ฮั่น ประกาศปิดให้เข้าชม โดยไม่มีกำหนดว่าจะเปิดอีกครั้งเมื่อไหร่ โดยสาเหตุการปิด เพื่อลดการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาชนิดใหม่-ปอดอักเสบอู่ฮั่น

– ช่วงเช้าของวันที่ 22มกราคม2563 คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติจีนแถลง ในจีนมีผู้เสียชีวิตจากไวรัสโคโรนาชนิดใหม่ 9ราย ติดเชื้อพุ่ง 440ราย โดยกระจายจากอู่ฮั่นไปยังมณฑล-เมืองในจีนกว่า13พื้นที่ รวมทั้ง ไต้หวัน – ฮ่องกง -มาเก๊า ด้วย

– จีนเผย ต้นตอระบาดมีความเกี่ยวข้องกับสัตว์ป่าที่ถูกลักลอบขายในตลาดที่อู่ฮั่น

– มีการเผยแพร่งานวิจัยของนักวิทยาศาสตร์ในจีน ที่ให้ข้อมูลความเป็นไปได้ที่ ไวรัสโคโรนาชนิดใหม่มาจาก “ค้างค้าวผลไม้” เช่นเดียวกับครั้งซาร์สระบาด โดยมีค้างค้าวชนิดนี้เป็นต้นตอเช่นกัน

– ช่วงดึกของวันที่ 22มกราคม ยอดผู้เสียชีวิตทะลุ 17ราย ติดเชื้อมากกว่า 550ราย

.

23 มกราคม 2563 เมืองอู่ฮั่นสั่งปิดเมืองเพื่อกักกัน-หยุดการแพร่ไวรัสโคโรนาชนิดใหม่: รถบัส-รถไฟใต้ดิน-เรือ-รถไฟ-เครื่องบิน หยุดให้บริการ ตั้งแต่10โมงเช้า(ตามเวลาจีน)ของ 23 มกราคม 2563) โดยมีจุดประสงค์ห้ามคนเดินทางออกนอกอู่ฮั่น ลดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาชนิดใหม่และกักกันเพื่อหาทางหยุดการแพร่ให้ได้

– ทางรัฐบาลท้องถิ่นอู่ฮั่นประกาศ ออกระเบียบให้ประชาชนต้องใส่หน้ากากอนามัยเวลาไปตามห้างสรรพสินค้าและสถานที่สาธารณะต่างๆ ถ้าไม่ใส่ ทางผู้ดูแลและเจ้าหน้าที่ของสถานที่นั้นมีสิทธิ์ “ไม่อนุญาตให้เข้า”

– มาเก๊ายกเลิกกิจกรรมตรุษจีนทั่วเมือง

– หนังที่มีโปรแกรมฉายช่วงตรุษจีน ยกเลิกการฉายทั่วประเทศ เพื่อไม่ให้ประชาชนไปโรงหนัง ซึ่งเป็นพื้นที่เสี่ยงต่อการแพร่และติดเชื้อ

– ข้อมูลล่าสุด ณ เวลา 14.20น. ตามเวลาไทย มีผู้ติดเชื้อทั่วจีนอย่างน้อย 618ราย เสียชีวิต17ราย

#อ้ายจง #เล่าเรื่องเมืองจีน #ชีวิตในจีน

ขอบคุณที่มาของข้อมูล :
แฟนเพจอ้ายจง