#เรื่องเล่ายามดึก สินค้าของไทยเป็นที่นิยมจริงหรือไม่? หรือแค่การตลาดแบบฉาบฉวย?

เมื่อวันก่อน อ้ายจงได้เห็นข้อความบน Facebookของเพื่อนคนหนึ่ง ที่น่าสนใจมากเกี่ยวกับประเด็นนี้ ข้อความนั้นมีใจความว่า

.

“สินค้า BEAUTY​ของไทย มีลูกค้าชาวจีนจริงๆ เพียงแต่การค้นหาและรักษาลูกค้ากลุ่มนี้ ย่อมไม่ใช่เรื่องง่าย ดังนั้น​จึงอาจไม่มีความยั่งยืน”

.

สำหรับมุมมองของอ้ายจง ในมุมมองของคนที่ทำงานสายการตลาดจีน ผมขอตอบกลางๆ ไม่เจาะจงเฉพาะสินค้าประเภท BEAUTY​

ผมมองว่า มันอยู่ที่เราวางสิ่งที่เกี่ยวข้องกับแบรนด์​ของเราให้ถูกต้องตั้งแต่เริ่มแรก อาทิ

– วาง Position กำหนดให้ถูกว่า ตำแหน่งของเราจะอยู่ในจุดไหน กลุ่มเป้าหมายคนจีนที่จะมาเป็นลูกค้าเราคือกลุ่มไหน

– วาง Brand characters กำหนดตัวตนของแบรนด์​เราให้ชัดเจน

– วางกลยุทธ์​การตลาด ทั้งระยะสั้น และระยะยาว ให้สอดคล้องกับสองข้อข้างต้น

ปัจจุบัน​กลยุทธ์​หนึ่งที่แทบทุกแบรนด์​เลือกใช้ คือ การใช้ KOL (Key Opinion Leader) ผู้นำทางความคิด /Celebในโลกออนไลน์​/เน็ตไอดอล หรือ คนที่มีผู้ติดตามจำนวนมากในโลกออนไลน์​ เช่น เพจต่างๆ ตรวนี้เราก็ควรวิเคราะห์​และเลือกให้ดีว่า “มีจำนวนผู้ติดตามจริงไหม หรือซื้อยอดมา เพราะในจีนมีประเด็นนี้จำนวนมาก”, “กลุ่มคนติดตามของKOLตรงเป้าของเราไหม?”

.

โดยการใช้ KOL ก็ควรวาง periodเวลาที่จะใช้ให้ชัดเจนและเหมาะสม ควรใช้ KOLควบคู่ไปกับกลยุทธ์​สื่อสารการตลาดในระยะยาว ไม่ใช้แต่ KOLเพียงอย่างเดียว เพราะส่วนใหญ่​จะเป็นแบบ (กระแส)​มาไว ไปไว

.

– วาง customer journey การเดินทางของกลุ่มเป้าหมายของเรา รวมถึงแพลทฟอร์​มที่ใช้ในการทำการตลาด อย่างเช่นถ้าเราจะทำการตลาดออนไลน์​ในจีน เราก็ควรทราบว่า กลุ่มเป้าหมาย​ที่มีต่อสินค้าของเรา อยู่บนแพลทฟอร์ม​ใด แพลทฟอร์​มไหนเหมาะสมกับเรา ตัวอย่างเช่น หากเป็นสินค้าประเภทความสวยความงาม ก็เหมาะที่จะใช้ Xiaohongshu ซึ่งเป็นแพลทฟอร์​มที่ผู้ใช้งานเป็นคนจีนรุ่นใหม่ และชื่นชอบในสินค้าความงาม โดยเฉพาะ​แบรนด์​ต่างประเทศ​

.

– วางขั้นตอนและแผนงาน ว่าสิ่งใดควรทำเลยเป็นอันดับแรกๆ และสิ่งใดยังรอได้เมื่อพร้อมจึงทำ เช่น หากมีความมุ่งมั่นที่จะเจาะตลาดจีน ก็ควรมีแผนสำหรับจดตราสินค้าในจีน ไม่ควรรีรอ เพราะมีหลายกรณีที่ทำการตลาดไปแล้ว ปรากฏ​ว่า พอจะเข้าตลาดจีนจริงๆ ชื่อแบรนด์​ที่เราใช้ทำการตลาด กลับโดนคนจีนจดตัดหน้าไปแล้ว

.

ทุกข้อข้างต้นที่กล่าวมา เราควรวางให้ชัดเจน ครอบคลุม​ ไม่ฉาบฉวย

.

ต้องยอมรับว่า ณ ปัจจุบันนี้​ แบรนด์​ไทยหลายราย มีการทำการตลาดที่ค่อนข้างฉาบฉวย เน้นปั่นกระแสให้เกิดขึ้นไว แต่ส่วนใหญ่​มักจะเกิดผลเสียตามมา เช่น หากทำการตลาดออนไลน์​ มีการปั่นและปั้น engagement ยอดlikes ยอดแชร์ จะทำให้แบรนด์​ของเราที่มีเพจบนสังคมออนไลน์​ในจีนเป็นเหมือนบ้านของแบรนด์​เรา โดนมองในทางที่ไม่ดี และยังถูกแพลทฟอร์ม​แบนเนื้อหา พร้อมทั้งจำกัดการมองเห็นได้อีกด้วย อย่างบนแพลทฟอร์ม​Weibo หลายคนไม่รู้ว่า เนื้อหาที่เราเป็นคนโพสต์​ผ่านเพจหรือaccountของเรา หากมีเนื้อหาโฆษณา​จนเกิดไป หรือปั่นยอดengagement -​ปั่นกระแส แพลทฟอร์​มจะ “ซ่อนโพสต์​ของเรา จากการมองเห็นสาธารณะ​โดยอัตโนมัติ”

.

กล่าวคือ ผู้ประกอบการ​และแบรนด์​ไทย “ไม่ควร” มุ่งเน้นแต่จะผลักตัวเองไปในจีนโดยทันที โดยไม่คำนึงถึงแบรนด์เราว่า แบรนด์​เราจริงๆแล้วเป็นอย่างไร บางครั้งเราลืมมองแม้กระทั่งแบรนด์​ตนเองในไทยว่าอยู่จุดใด

.

ความจริงในตอนนี้จาก Insightในจีน คือ คนจีนเองเริ่มมีความกระอักกระอ่วน​ใจกับการโดนยัดเยียดแบรนด์​ต่างๆจากไทยว่า นี่คือแบรนด์​ไทยนะ เป็นแบรนด์​TOP10 ที่ต้องใช้ คือไม่ว่าแบรนด์​ไหนไปทำการตลาดในจีน ก็ต้องมีการทำcontentจัดอันดับประมาณนี้ เรียกได้ว่า “ล้นตลาด” และเหตุนี้ ทำให้ผู้ประกอบการ​จีนเองก็มาแอบอ้างแบรนด์ไทยได้โดยง่าย ดังนั้น​ผู้บริโภค​ชาวจีนจึงถวิลหา แบรนด์​คุณภาพ​ แบรนด์​ที่คนไทยใช้ และเป็นแบรนด์​ที่ทำให้พวกเขาชาวจีนอยากลองใช้ อยากลองทำความรู้จัก โดยไม่จำเป็นต้องยัดเยียดมากเกินไป ตามหลัก Inbound Marketing​การตลาดแรงดึงดูด​ : ทำตัวเราให้ Sexy น่าค้นหา น่าทำความรู้จัก และเอาตนเองไปอยู่ให้ถูกจุดที่กลุ่มเป้าหมาย​จะเข้าถึง

.

อีกหนึ่งความจริงที่อยากบอกต่อ คือ ไม่ใช่คนจีนทุกคนที่จะมีรสนิยม/ความต้องการ​ในการอยากลองอยากใช้แบรนด์​ไทย เราจึงต้องเจาะให้ถูกจุด อาจเริ่มจากการสำรวจตลาดและความต้องการของสินค้าประเภทเดียวกับเราในสายตาคนจีน เช่น

-การไปออกบูทเพื่อลองตลาดและเปิดตัวสินค้าเราให้เป็นที่รู้จัก โดยเฉพาะ​ผู้ประกอบการ​ในจีนที่อาจจะมาเป็นพาร์​ทเนอร์​ตัวแทนจำหน่ายของเราในอนาคต แต่เราก็ต้องเลือกให้ถูก ว่า “เมืองที่เราไปออกบูท มี potential สำหรับสินค้าไทยและสินค้าเราหรือไม่? ”

-การเจาะกลุ่มลูกค้าชาวจีนผ่านกลุ่มนักท่องเที่ยวจีนที่มาในไทยแบบ FIT (มาเที่ยวเอง ไม่ได้มากับทัวร์)​ ก็เป็นหนึ่งในการเปิดตลาดลูกค้าชาวจีนที่น่าสนใจและทำได้ง่าย คือต่อยอดจากการขายภายในประเทศ​ไทยอยู่แล้ว

.

สุดท้ายนี้ ไม่ว่าเราจะทำแบรนด์​สินค้าอะไรก็ตาม เราควรใช้คุณภาพเป็นตัวนำ เปรียบเสมือน Content ที่มีคำกล่าวว่า Content (Quality) is King เราควรตอบให้ได้ว่า “ตัวเรามีดีอะไร? ตัวเรามีศักยภาพเพียงพอที่จะเข้าไปในตลาดจีนหรือไม่? เราจะเข้าไปในทิศทางไหน หากตลาดนั้นเป็นทะเลแดง มีคู่แข่งจำนวนมาก ซึ่งเราก็ต้องมีการวิเคราะห์​เพื่อ รู้เรา และรู้เขา จนได้ทิศทาง+จุดเด่น-กิมมิคของแบรนด์”

.

เมื่อมี Content (Product) ที่ดี เปรียบดัง King เราก็มาพ่วงด้วย Context บริบทที่เหมาะสมต่อคนจีน-กลุ่มเป้าหมาย​ของเรา ตามคำกล่าว Content is King but Context is God เพื่อเจาะเข้าตลาดให้ได้และอยู่ยาวๆ

———————

เขียนโดย ภากร กัท​ชลี​ เจ้าของเพจอ้ายจง

#อ้ายจง #เล่าเรื่องเมืองจีน #การตลาดจีน

ขอบคุณที่มาของข้อมูล :
แฟนเพจอ้ายจง