ชาวรักร่วมเพศในจีนแห่เปิดเผยตัวตนผ่าน #我是同性恋 ฉันคือรักร่วมเพศ ใน Weibo พร้อมชัยชนะของชาวรักร่วมเพศในจีน และพลังของสังคมออนไลน์หลังWeiboยอมแพ้ ไม่ Ban เนื้อหาเกี่ยวกับ รักร่วมเพศอย่างที่ประกาศแบบเซอร์ไพรส์เมื่อศุกร์ที่13เมษายนที่ผ่านมา
ในโลกออนไลน์และโซเชียลจีนตอนนี้มีประเด็นหนึ่งที่ถูกพูดถึงอย่างกว้างขวางคือประเด็นล้างเนื้อหาบนแพลทฟอร์ม Weibo ซึ่ง Weibo ประกาศออกมาเมื่อ ศุกร์ 13 เมษายนที่ผ่านมาว่า “ภายใน 3เดือนนับจากนี้จะล้างและแบนเนื้อหาที่เกี่ยวกับลามกอนาจาร ความรุนแรง และรักร่วมเพศ ให้หมดไปจากแพลทฟอร์ม”
เมื่อประกาศดังกล่าวออกมา ชาวโซเชียลจีนโดยเฉพาะกลุ่มรักร่วมเพศ ไม่ว่าจะชายรักชาย หญิงรักหญิง ต่างออกมาเคลื่อนไหว ต่อต้านกับประกาศดังกล่าว โดยพากันโพสต์รูปถ่ายเปิดเผยตัวตนและเขียนเนื้อหาเกี่ยวกับรักร่วมเพศ พร้อมติดแฮชแท็ก ” #我是同性恋 ที่หมายถึงว่า ฉัน/ผมเป็นกลุ่มรักร่วมเพศ ” จนขึ้นเป็นแฮชแท็กอันดับ1 หมวด ความรู้สึกใน Weibo มียอดอ่านกว่า 580ล้านวิว ภายในเวลาไม่กี่วันเท่านั้น
และล่าสุด เมื่อวานนี้ (16 เมษายน 2561) ทาง Weibo มีประกาศใหม่ว่า “การล้างและแบนเนื้อหา ไม่ได้รวมถึงเนื้อหารักร่วมเพศนะ”
จุดหนึ่งที่น่าสนใจของความเคลื่อนไหวครั้งนี้คือ นักเคลื่อนไหวรักร่วมเพศ Pu Chunmei คุณแม่ชาวจีนผู้มีลูกชายเป็นกลุ่มรักร่วมเพศ เป็นเบื้องหลังที่ผลักดันให้ประเด็นนี้เป็นกระแส โดยออกมาโพสต์เรียกร้องและต่อต้านWeibo มีเนื้อหาว่า (ดูรูปที่5) “ลูกชายและตัวฉันเองรักประเทศจีนของเรา พวกเราภูมิใจที่เป็นคนจีน แต่เมื่อฉันเห็นประกาศของทางWeibo ฉันรู้สึกว่ามันคือการแบ่งแยก และกระทำรุนต่อกลุ่มคนรักร่วมเพศ ซึ่งมันคือความรุนแรงอย่างแท้จริง”
ก่อนหน้านี้เราจะรับรู้มาตลอดว่าที่เมืองจีนตั้งแต่สมัยอดีต มีการต่อต้านและไม่ยอมรับกลุ่มรักร่วมเพศ โดยเฉพาะ ชายรักชาย แต่ปัจจุบันเมื่อก้าวสู่ยุคสมัยใหม่ ดูเหมือนว่า จะมีการยอมรับมากขึ้น และกลุ่มรักร่วมเพศในจีนก็มีมากขึ้นเช่นกัน ซึ่งมักมีกิจกรรมเคลื่อนไหวอยู่เสมอ โดยเฉพาะที่ไต้หวัน
ทั้งนี้ การประกาศล้างและแบนเนื้อหาของ Weibo เกิดพร้อมกับแพลทฟอร์มออนไลน์อื่นๆอีกหลายแพลทฟอร์ม เนื่องจากเมื่อราวๆหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมา เกิดปัญหาเนื้อหาความรุนแรงและไม่เหมาะสมใน Toutiao – 今日头条 แพลทฟอร์มข่าวออนไลน์ชื่อดังของจีน จนทางการจีน มีนโยบายให้แพลทฟอร์มออนไลน์ต่างๆควบคุมเนื้อหาภายในแพลทฟอร์มของตน
#อ้ายจง #เล่าเรื่องเมืองจีน #ชีวิตในจีน
ขอบคุณที่มาของข้อมูล :
แฟนเพจอ้ายจง
