petch1

 

สวัสดีค่ะคอลัมน์ “ชีวิต Ph.D. ในแดนมังกร” สัปดาห์นี้ เราจะพาไปรู้จักกับสาวปริญญาเอกสายวิทยาศาสตร์อีกคนหนึ่งจากมหาวิทยาลัย Zhejiang University ซึ่งโดยปกติแล้วเมื่อนึกถึงสาย Food Science คนจะไม่ค่อยนึกถึงประเทศจีนเท่าไหร่ แต่สำหรับคนต้นเรื่องของเราในวันนี้เธอเลือกที่จะมาเรียนต่อในสาขานี้ที่ประเทศจีน ด้วยความมุ่งมั่นอย่างแท้จริง เราไปทำความรู้จักกับเธอกันเลยค่ะ

 

Admin: สวัสดีค่ะ น้ำเพชร

น้ำเพชร: สวัสดีค่ะ

Admin: รบกวนแนะนำตัวด้วยค่ะ

น้ำเพชร: ชื่อ จารุกิตติ์ ลิ้มวชิรานนท์ ค่ะ ตอนนี้เรียน Food Science คณะ Biosciences and engineering ที่ Zhejiang University ค่ะ

Admin: หลักสูตรที่นี่เรียนกี่ปีคะ

น้ำเพชร: หลักสูตร 4 ปีค่ะ

Admin: แล้วมีกี่หน่วยกิตคะ

น้ำเพชร: 14 หน่วยกิตค่ะ มี 7 วิชา ก็อัดในปีแรก 2 เทอม ปีแรก

Admin: เป็นหลักสูตรภาษาอังกฤษ

น้ำเพชร: ใช่ค่ะ

Admin: จุดสนใจที่ทำให้มาเรียนด้าน Food Science?

น้ำเพชร: จริงๆความสนใจเริ่มมาตั้งแต่สมัยม.ปลายแล้วค่ะ เพชรเป็นคนชอบชีวะ-เคมีมาก แต่ว่าตอนนั้นพ่ออยากให้เรียนหมอ มีอยู่ครั้งหนึ่งเราก็ได้ไปคุยกับคนที่เป็นหมอ ไปดูที่โรงพยาบาลแล้วก็ถามตัวเองว่ามันใช่เราไหม แล้วเราจะทำใจได้หรือเปล่าถ้าเกิดคนไข้ตาย ก็มีไปค่ายแนะแนวด้านหมอครั้งหนึ่งก็ยิ่งรู้สึกว่ามันไม่ใช่เรา แล้วพอดีในค่ายมีคนที่ทำอาชีพด้าน Food Science มาพูดให้เราฟัง ประกอบกับที่บ้านทำเรื่องอาหารอยู่แล้วก็เลยรู้สึกสนใจ เพราะมันใกล้ตัวแล้ว อย่างเช่นเป็นอันนี้ขึ้นมาแล้วควรกินอะไร ผมแตกปลายควรกินอะไร มันเหมือนเราได้ดูแลคนที่เรารักตลอด ให้เขาได้กินในของที่มันดี แล้วมันมีช่วงนึงค่ะตอนเพชรอายุ 15 ไปเรียนที่อเมริกา ตอนนั้นที่นั่นมีน้ำดื่ม vitamin water ซึ่งมันถือเป็นอะไรที่ใหม่มาก เหมือนตอนนั้นคนยังไม่ค่อยรู้เลยว่า Amino-peptide คืออะไร ที่บ้านเราเองก็ยังไม่มีวางขายในท้องตลาด เราก็ยิ่งรู้สึกสนใจมากรู้สึกว่ามันดีจริงๆ หรือว่าในช่วงพัฒนาของเด็กในช่วงวัยที่เขาโตควรจะได้รับสารอาหารอะไร

petch3

Admin: ฟังแล้วรู้สึกเหมือนได้อ่าน vitamin-bible อีกรอบเลยค่ะ

น้ำเพชร: มันใช้ได้จริงนะ อย่างเวลาเป็นอะไรเล็กๆน้อยคนสมัยนี้ชอบพึ่งยา เช่นปวดท้องกินยาสิ แต่จริงๆนะถ้าเรารู้ เช่นถ้าเรามีอาการปวดท้องเราควรถามตัวเองก่อนว่าปวดตรงไหนแล้วทำไมถึงปวด สองชั่วโมงที่แล้วกินอะไรลงไป แล้วเราก็จะสังเกตได้ว่าเอ๊ะถ้าปวดแบบนี้อาจจะเป็นเพราะแบคทีเรียตัวนี้หรือเปล่า แล้วมีครั้งหนึ่งเหมือนเพื่อนเพชรปวดท้อง เพชรก็ถามว่าเป็นอะไรมา ก็คิดว่าน่าจะกินอะไรที่ไม่สะอาดเข้าไปหรือเปล่า อาจจะมีแบคทีเรียตัวหนึ่ง เพชรก็เลยให้กินแอปเปิ้ลเพราะในแอปเปิ้ลมันจะมีสารตัวหนึ่งที่ไปกำจัดไอ้แบคทีเรียตัวนั้นที่มันอาจจะกัดกระเพาะอยู่ แล้วก็ลองดู ให้เขากินข้าวตามปกติ แล้วเขาก็ควรจะถ่ายออกมา ซึ่งถ่ายออกมาปกตินะไม่ใช่ท้องเสีย แล้ววันนั้นเขาก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ เขากินแอปเปิ้ลเข้าไปครึ่งลูก ไม่เกิน 20 นาทีเขาหายเลย ก็เลยยิ่งทำให้เพชรเห็นว่ามันมีประโยชน์จริงๆ แล้วเพชรเองก็เป็นคนชอบดูแลตัวเองอยู่แล้วด้วยค่ะ ซึ่งอันนี้เวลาเราไปซื้อครีมเราอ่านแล้วเราก็จะรู้ด้วยว่ามันสกัดมาจากอะไร

Admin: ตอนป.โทเพชรเรียนที่ไหนมาคะ?

น้ำเพชร: เพชรเรียนโทที่อังกฤษค่ะ ที่ Nottingham เรียน Food Production Management ซึ่งก็จะมีด้านบริหารโรงงานเข้ามาด้วยค่ะ ตอนป.ตรีก็เรียน Food Science ที่มหิดลค่ะ

Admin: อันที่จริงแล้วจีแอบสงสัยอยู่อย่างหนึ่ง คือเวลาเราอ่านข่าวเราก็จะพบว่าที่จีนเองก็ยังมีปัญหาเรื่องอาหารอยู่บ้าง แล้วอะไรทำให้เพชรสนใจมาเรียนต่อสาขานี้ที่ประเทศจีน แล้วทำไมเลือกมาที่ ZJU?

น้ำเพชร: คือต้องบอกว่าส่วนตัวแล้วเพชรเป็นคนที่ทำอะไรแล้วต้องทำให้สุด เรียนแล้วก็ต้องเรียนให้สุด พอจบโทแล้ว ก็รู้ตัวเองว่าต้องต่อเอกแน่นอน คือเพชรสมมติว่าถ้าเอาความชอบ ความรัก ความสามารถ 3 สิ่งนี้รวมเป็นหนังสือ 1 เล่ม เป็นตำราอาหาร เพชรสามารถเอาหนังสือเล่มนี้ไปอ่านที่ไหนได้บ้าง? ถ้าสมมติต่อเอกที่ไทย หนังสือเล่มนี้ก็เหมือนอ่านในห้องนอน แล้วถ้าเพชรมีคำถามไม่เข้าใจถามใครก็ไม่ได้ อ่านแล้วก็หลับไป ถ้ากลับไปต่อที่อังกฤษก็เหมือนเอาหนังสือไปอ่านในสวนสาธารณะ ซึ่งเพชรสามารถถามใครก็ได้ แต่ก็ยังไม่ได้ทำจริง แต่ถ้ามาที่จีนมันเหมือนเพชรได้เอาหนังสือเข้าไปนั่งอ่านในห้องครัว ซึ่งพออ่านจบแล้วเราสามารถเอาไปทำได้เลย เพราะประเทศจีนเขามีคอนเนคชั่นเยอะ แล้วตอนที่เพชรอยู่อังกฤษก็มีเพื่อนคนจีนด้วย ซึ่งเพื่อนก็บอกว่า Food Science ที่จีนกำลังบูมนะ เพราะว่าอาหารที่จีนมีปัญหาเรื่องมาตรฐาน แล้วเขาเองก็ต้องการจะปรับมาตรฐานของเขาให้เทียบเท่ากับต่างชาติให้ได้ แล้วประเทศเขาก็กำลังขยายตัวเร็วมาก เราก็เริ่มสนใจ เราก็ได้ข้อมูลจะต่อเอกจากเพื่อนแนะนำให้ค่ะ ซึ่งเพื่อนก็เรียง Ranking มหาลัยในจีนมาให้เราเสร็จ แล้วอีกอย่างตอนนั้นก็ได้ถามเรื่องทุนกับพี่ป่านด้วย ก็ได้ข้อมูลเพิ่มเติม แล้วเราเองก็ดูแล้วที่ ZJU นี้ Professor ที่นี่ก็คอนเนคชั่นเยอะ แล้วมหาวิทยาลัยก็ใหญ่ ก็น่าจะมีคอนเนคชั่นกับพวกโรงงาน ก็แปลว่างานเราที่ทำออกมาเขาสามารถเอาไปใช้จริงได้ ก็เลยลองขอทุนมาเรียนต่อที่นี่ค่ะ

Admin: ถือว่ามีเป้าหมายชัดเจนทีเดียว

น้ำเพชร: คือเพชรคิดว่าชีวิตคนเราต้องมีช่วงเวลาของการศึกษาและเวลาของการเรียนรู้ ศึกษาก็คือเวลาที่เราอ่าน เราศึกษาประสบการณ์ของคนอื่น แต่เรียนรู้นี่คือตัวเราเองแล้ว คนเราจะมากจะน้อย มันอยู่ที่การเรียนรู้ อย่างศึกษาหนังสือเล่มหนึ่ง 20 chapter 400 หน้าใครๆก็อ่านได้ แต่มันต่างกันตรงที่เขาอ่านแล้วเอาไปทำอะไร เอาไปสอบหรือเอาไปต่อยอดอะไรอีก สำหรับเพชร เพชรว่า ป.ตรีคือการศึกษา ป.โทคือศึกษาครึ่งหนึ่งเรียนรู้ครึ่งหนึ่งแต่ป.เอกนี้คือการเรียนรู้ 100% แล้ว คือเพชรอยากลองทุกอย่าง ทำทุกอย่างที่เพชรอยากทำ บางคนก็บอกว่าใช้ชีวิตอยู่ในมหาวิทยาลัยตลอดมันจะดีหรอ ซึ่งเพชรคิดว่าเพชรเข้าแล็ปแล้วเพชรเกิดการเรียนรู้ คือบางครั้งมันอาจจะดีกว่าคนที่ไปทำงานเช้าเย็นกลับซึ่งเขาไม่ได้เรียนรู้อะไรต่อจากที่เคยรู้มาแล้วก็ได้ ดังนั้นการเข้ามาเรียนปริญญาเอก และมาเรียนที่นี่ก็ถือว่าตอบโจทย์ชีวิตของเพชรมาก

Admin: ทำในสิ่งที่เรารัก เจอปัญหาหรืออุปสรรคใดๆก็เลยไม่ท้อ

น้ำเพชร: ใช่ค่ะ คือเพชรเป็นคนที่ถ้าเลือกที่จะทำอะไรแล้วจะถามตัวเองอยู่ 2 คำถามตลอดว่า “เพชรรักไหม” แล้วสิ่งที่เรารักเนี่ย “มันไปต่อได้ไหม”

petch4

Admin: พูดถึงชีวิตในแล็ปบ้าง?

น้ำเพชร: แล็ปก็เข้าตลอดค่ะ อย่างช่วงที่ผ่านมาก็เข้าแล็บ 16 ชั่วโมงต่อวันเพราะว่ากำลังเร่งงานอยู่ มีครั้งหนึ่งอยู่ถึงตีสาม แต่ก็รู้สึกว่าไม่ไหวแล้ว ก็เลยปรับเวลาใหม่ตื่นตี 5 แทนแล้วไปแต่เช้า คือเพราะผลมันรันทุกนาที เราก็เลยต้องอยู่ตลอด แล้วคือเพชรต้องทำชาร์ตออกมาให้เห็นเลยว่านาทีนี้เราต้องทำอะไร เกิดอะไร ต้องมีสติอยู่กับมันตลอด ตอนนั้นคือไม่ได้กินข้าวเลยนะ 16 ชั่วโมง แต่มันก็สนุกมาก

Admin: แสดงว่าแนวทางของเรานี้คือชอบแล็ป ชอบทดลองมาก

น้ำเพชร: คือเพชรเริ่มสนใจและคิดว่าการได้ทำทดลองมันเป็นการเรียนรู้ด้วยตัวเองจริงๆเอาตอนที่เรียนป.โทค่ะตอนนั้นเพชรมีโอกาสได้ไปฝึกงานที่ลอนดอน ไปคิดสูตรให้โรงงานที่นั่น เค้าอยากได้ Tortilla Wrap ที่เป็น Gluten-free และเก็บได้นานเกิน 3 เดือน จริงๆโรงงานของเค้าเป็นโรงงานทำแป้งแพนเค้ก แต่ว่าเค้าอยากจะทำ Tortilla Wrap ขึ้นมา เราก็ต้องไปคิดสูตรอะไรก็ได้ให้เขาสามารถนำไปใช้กับเครื่องมือที่เค้ามีอยู่ได้ ซึ่งถือว่ายากมาก แค่ส่วนผสมที่ขาดกลูเตนไปก็ถือว่ายากแล้ว แป้งมันก็จะขาดออกจากกันเพราะมันไม่มีความเหนียว ช่วงนั้นอาทิตย์แรกเราก็ต้องไปอยู่ที่ลอนดอน ไปดูว่าเค้าทำงานอะไรบ้าง มีสเต็ปอะไรบ้าง แล้วหลังจากนั้นก็กลับมาอยู่แล็ปที่มหาลัย มาลองสูตร แล้วทุกๆอาทิตย์เราก็ต้องเข้าลอนดอนไป เขาจะมี workshop ให้เราทำ เช่นอาทิตย์นี้ ไปลองแป้งสูตรนี้สำหรับทำพิซซ่า คือเค้าจะมี workshop ให้เราทำตลอด แล้วพอถึงเวลาปุ๊บก็จะเป็นช่วงที่เราต้องลองสูตรของเรา เค้าก็จะปิดโรงงานให้เรารันสูตรเลย 1 วันเต็มๆ คือตอนทดลองเหมือนเราได้เรียนรู้กับมัน เพราะเราจะเห็นเลยว่าแป้งอันไหนใช้ได้ ใช้ไม่ได้ อย่างแป้งสาลีก็ใช้ไม่ได้ ต้องใช้แป้งอย่างอื่นสารพัดแป้ง แล้วก็ต้องหาตัว emulsifier หรืออะไรอย่างอื่นแทนที่ทำให้มันเกาะกันได้เข้าไปแทน แล้วไม่ใช่แค่นั้น ไม่ใช่แค่ทำให้มันเกาะกันได้ แต่มันต้องคำนึงถึงรสชาติ เราต้องทำให้มันกินได้ด้วยมันถึงจะสำเร็จ ซึ่งก็ถือเป็นอะไรที่เราได้เรียนรู้อยู่ตลอดค่ะ

Admin: แล้วตอนนี้แนววิจัยของเพชรเกี่ยวกับอะไรคะ?

น้ำเพชร: ตอนนี้เพชรกับอาจารย์ก็กำลังลองสกัดสาร Bio-active ออกมาจากเมล็ดบัว ซึ่งปกติเวลาเค้าจะสกัดสารเค้าจะใช้พวก Methanol หรือ Ethanol ซึ่งมันเป็นแอลกอฮอล์ เพชรก็เลยลองใช้ Glycerol สกัดออกมาดู ซึ่งอันนี้มันเป็นธรรมชาติมากกว่าค่ะ

Admin: ในส่วนของอุปกรณ์ หรือแล็ปที่นี่เป็นอย่างไรบ้าง?

น้ำเพชร: พร้อมมากค่ะ อุปกรณ์พร้อม ที่ Department มีให้ทุกอย่าง แต่ว่าถ้าสมมติมีอะไรขาด หรือถ้าเราอยากได้อะไรเพิ่มก็แค่พิมพ์บอกเขาไป บอกเขาว่าเราอยู่ห้องไหน Supervisor เราเป็นใครก็ส่งไปบอกเค้าใน QQ บางทีตอนบ่ายเขาก็เอามาส่งให้เราที่แล็ปแล้ว แต่ถ้าบางอันมันไม่มีก็ต้องรอนานหน่อย

petch6

Admin: เพื่อนๆ ในแล็ปนี้เป็นยังไงบ้างคะ

น้ำเพชร: คือเพื่อนในแล็ปนี่น่ารักมากนะ แต่ว่าแรกๆก็รู้สึกว่าเค้าจะกลัวการพูดภาษาอังกฤษ เหมือนพอเราคุยกับเพื่อนเค้าก็จะวิ่งไปเลยนะ ไปหาเพื่อนอีกคนบอกให้ช่วยแปล บอกนี่แปลๆให้หน่อย แต่เด็กๆจีนนี่น่ารักนะ เหมือนมีอะไรเค้าก็จะพยายามช่วยเต็มที่จริงๆ

Admin: แล้วในสายที่เพชรเรียนมีนักเรียนต่างชาติเยอะไหมคะ?

น้ำเพชร: อาจารย์รับเพชรเป็นคนแรกค่ะ ก่อนหน้านี้ยังไม่เคยมี

Admin: พูดถึงอาจารย์ที่ปรึกษาบ้าง

น้ำเพชร: จริงๆกับที่ปรึกษาก็มีช่วงหนึ่งที่เราเคยมี conflict กันนิดหน่อย จากตอนแรกที่คุยกันได้ดีๆ จนมีมองหน้ากันไม่ติด แล้วก็กลับมาคุยกันได้ปกติอีกครั้ง คืออาจารย์ก็ถือว่า Ranking สูงมากในมหาลัย แล้วเรามารู้ทีหลังจากเด็กจีนว่า เด็กป.ตรีที่อยากเรียนกับอาจารย์จะต้องเป็นที่ 1 ของคณะเท่านั้น อาจารย์ถึงจะรับเป็นที่ปรึกษา ดังนั้นอาจารย์ก็เลยมีความคาดหวังสูงมาก และเหมือนว่าที่นี่จะมีธรรมเนียมปฏิบัติอะไรหลายๆอย่างที่เราเองก็ไม่เคยรู้มาก่อน เพราะว่าอาจารย์เองก็ไม่เคยพูด ในเอกสารก็ไม่มี เพื่อนก็ไม่เคยบอก คือเราต้องสังเกตเอง แล้วก็รับรู้เอง อย่างเช่นว่าถ้าวันเปิดเรียนวันที่ 18 เราต้องมาตั้งแต่ 12 คืออาทิตย์นึงก่อนเปิด คือต้องสังเกตเอาเอง หรือบางทีอาจารย์อาจจะพูดอีกอย่าง แต่จะเอาอีกอย่าง อย่างตอนแรกๆเพชรเขียน Proposal ไปทั้งหมด 10 กว่าอัน ก็โดน reject กลับมาหมด ซึ่งเราก็ไม่เขาใจว่าอาจารย์ต้องการอะไร ก็เลยไปคุยกับรุ่นพี่คนหนึ่ง เค้าก็บอกเราว่า เป็นแบบนี้ล่ะ อาจารย์เขาจะมีในใจแล้วอันนึง แต่เขาจะไม่บอกเรา ให้เราไปทดลองทำมา ไปอ่านมาให้ทั่ว แล้วถ้ามันตรงเขาก็จะบอกว่าใช่ ถ้ามันยังไม่ใช่ก็ให้ไปหามาใหม่ ซึ่งอันนี้เราก็ต้องสังเกตเอาเองจริงๆค่ะ

Admin: ค่อนข้างหินพอสมควร

น้ำเพชร: ใช่ค่ะ แต่ว่ามันก็ดีนะ คือเหมือนอาจารย์ก็จะไว้ใจเราด้วย อย่างอาจารย์เป็น Reviewer Editor ของสำนักพิมพ์หนึ่ง ก็จะส่งมาให้เราช่วยอ่านแล้วก็ดูว่าอย่างนี้ แบบนี้สมควร Publish ไหม ซึ่งตอนแรกเราก็เกร็งนะ เหมือนเราก็เพิ่งมาได้ไม่นาน แล้วอาจารย์ให้เรามาทดลองทำอะไรแบบนี้ งานแรกที่เขาให้มานี้เพชรทำอยู่ 3 อาทิตย์ แต่จะว่าไปเราก็จะได้เรียนรู้ไปด้วย ทำให้เห็นว่าอยู่ที่นี่ต้องขยันจริงๆ อย่างเด็กที่แล็ปเพชรคืออยู่กันตั้งแต่ 7 โมงเช้าถึง 4 ทุ่ม เพชรเคยถามเพื่อนนะว่าทำไมต้องมาเช้าขนาดนี้ เพื่อนก็บอกว่า เราควรมาก่อนอาจารย์และกลับหลังอาจารย์เพื่อให้อาจารย์เห็นว่าเราขยัน ซึ่งเพชรก็เคยคุยกับอาจารย์นะ อาจารย์เองก็บอกว่าเราเองก็ควรมาแบบนี้เหมือนกัน

Admin: ก็ถือว่าต้องปรับตัวกันไป

น้ำเพชร: ใช่ เพชรว่าเพชรได้เรียนรู้อะไรจากที่นี่เยอะมาก

Admin: แล้วอันนี้มีไปเข้าแล็ปที่ต่างประเทศอีกไหมคะ?

น้ำเพชร: มีโควต้าตอนปี 3 ที่ส่งออกไปประเทศอื่นค่ะ อย่างเพื่อนเพชรมีอยู่ 2 คนก็เพิ่งบินไปอเมริกา

Admin: พูดการเข้าถึงข้อมูลงานวิจัย?

น้ำเพชร: ตอนแรกเราก็คิดว่า paper เขาน้อยนะ เพราะทำไมมันหายากจัง แต่พอตอนหลังรู้ช่องทางแล้ว ก็พบว่าช่องทางโหลด paper เค้าเยอะมาก มีเป็น 100 ลิงค์อะ จะเอาอันไหนเลือกเลย คือ access เค้าเยอะมากจริงๆ อยู่ที่เรานี่ล่ะว่าจะรู้หรือเปล่า

Admin: ได้ข่าวว่าตอนนี้เพชรกำลังทำผลิตภัณฑ์อยู่ตัวนึงด้วยใช่ไหมคะ?

น้ำเพชร: ค่ะ เป็นผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าเนื้อเซรั่ม ชื่อแบรนด์ Queen’s ทำกับพี่สาวซึ่งถนัดงานวิจัยด้านสารสกัดจากปลิงทะเลและเซลล์มะเร็งค่ะ

Admin: ข้อคิดที่อยากฝากให้คนที่สนใจอยากจะมาเรียน

น้ำเพชร: เพชรว่าคนเราไม่ว่าจะทำอะไรก็ตามต้องถามตัวเองว่ารักไหม? แล้วที่เรารักมันไปต่อได้ไหม? เหมือนสมมติให้เราเอามันมารวมเป็นหนังสือเล่มหนึ่ง เราต้องถามตัวเองว่าเราสามารถเอาหนังสือเล่มนี้ไปอ่านที่ไหนแล้วดีที่สุด บางสิ่งที่เราเลือกด้วยเหตุผลบางครั้งเราอาจจะท้อแต่ขอให้เราไม่ถอย อย่างการมาเรียนปริญญาเอกการเรียนรู้ก็ถือเป็นส่วนหนึ่ง แต่ขอให้เราอดทนและจริงจัง ไม่ท้อถอย ทำคือทำ แล้วเรื่องแย่ๆทุกอย่างที่เกิดขึ้นถ้าผ่านไปได้มันก็จะกลายเป็นเพียงเรื่องเล็กๆเรื่องหนึ่งเท่านั้น

Admin: ขอบคุณน้ำเพชรมากๆที่สละเวลาทำวิจัยออกมาให้สัมภาษณ์กับเราวันนี้

น้ำเพชร: ยินดีค่ะ

petch5

เรียกว่าเราได้เปิดมุมมองใหม่ๆเกี่ยวกับการเรียนด้านวิทยาศาสตร์ การเข้าแล็ปและทำวิจัย และรู้จักเส้นทางของการเรียน Food Science ในจีนผ่านเรื่องราวความมุ่งมั่น ตั้งใจจากน้องน้ำเพชร และยังได้รับแรงบันดาลใจและข้อคิดดีๆในการเรียนต่อปริญญาเอกจากเธอด้วยเช่นกัน สำหรับใครที่สนใจผลิตภัณฑ์ของเธอนั้นสามารถเข้าไปดูได้ที่นี่ https://www.facebook.com/Officialqueenskins/

และในสัปดาห์หน้าเราจะไปสัมภาษณ์ใคร อย่าลืมติดตามได้ในเพจ Thai Ph.D. in China นะคะ วันนี้สวัสดีค่ะ

 

สัมภาษณ์และเรียบเรียงโดย: Admin G 走遍江湖 ผู้ท่องไปในยุทธภพ

ขอบคุณที่มาของข้อมูล :
Thai Ph.D. in China