แพทย์แผนจีน จักรี ตั้งเทียนชัยชนะ | เภสัชสมุนไพรจีน (BUCM)

แพทย์แผนจีน จักรี ตั้งเทียนชัยชนะ (คิม)
ปริญญาเอก – หลักสูตรการแปรรูปสมุนไพรจีน คณะเภสัชสมุนไพรจีน Beijing University of Chinese Medicine (BUCM)
ปริญญาโท – สาขาโรคไต หลักสูตรอายุรกรรม มหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนกวางเจา
ปริญญาตรี – สาขาการแพทย์แผนจีน คณะการแพทย์แผนจีน มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ

“งานวิจัยที่ผมกำลังทำ คือ การนำตัวยาหรือตำรับสมุนไพรไทยมาแปรรูปและทดสอบผลในการรักษาโรคข้อเข่าเสื่อมครับ คาดหวังว่าจะสามารถต่อยอด และผสมผสานความรู้ของสองศาสตร์ให้สามารถผสมผสานกันได้ อีกทั้งอยากให้เกิดมิติใหม่ในการใช้สมุนไพรไทยด้วยครับ”

รู้จัก “คิม”

สวัสดีครับ ผมชื่อจักรี ตั้งเทียนชัยชนะ (คิม) ตอนนี้ กำลังลาศึกษาต่อในระดับปริญญาเอกหลักสูตรการแปรรูปสมุนไพรจีน คณะเภสัชสมุนไพรจีน มหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนปักกิ่ง (Beijing University of Chinese Medicine, BUCM) ครับ ที่ผมใช้คำว่า “ลาศึกษาต่อ” เพราะผมทำงานที่วิทยาลัยแพทยศาสตร์นานาชาติจุฬาภรณ์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และได้รับทุนรัฐบาลจีน (CSC) มาเรียนต่อครับ

งานวิจัยที่ผมกำลังทำ คือ การนำตัวยาหรือตำรับสมุนไพรไทยมาแปรรูปและทดสอบผลในการรักษาโรคข้อเข่าเสื่อมครับ คาดหวังว่าจะสามารถต่อยอด และผสมผสานความรู้ของสองศาสตร์ให้สามารถผสมผสานกันได้ อีกทั้งอยากให้เกิดมิติใหม่ในการใช้สมุนไพรไทยด้วยครับ

เส้นทาง ป.เอก

ผมเลือกมาเรียนที่นี่ เพราะอาจารย์ที่ปรึกษาเป็นเหตุผลแรกครับ

อาจารย์ที่ปรึกษาผม ศาสตราจารย์ลู่หยาง (陆洋教授) ปัจจุบันดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการศูนย์วิจัยสมุนไพรจีนมหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีนปักกิ่งศูนย์เสิ่นเจิ้น ปีนี้ท่านอายุ 40 ปี ตอนที่ผมเข้าสมัครเป็นนักศึกษาปริญญาเอกกับท่าน ท่านเป็นรองศาสตราจารย์ แล้วในปีนั้นก็เป็นปีแรกที่เปิดรับนักศึกษาระดับปริญญาเอก ที่เลือกท่านก็เพราะเราเคยคุยกับน้องชายที่ทำงานอยู่ในปักกิ่งว่า ผมสนใจอยากศึกษาต่อด้านสมุนไพรจีน แล้วน้องชายเคยทำงานร่วมกับกับอาจารย์ท่านนี้ จึงแนะนำให้เรามาลองปรึกษาท่านดูครับ พอคุยแล้วรู้สึกว่าท่านเป็นคนหัวทันสมัย เป็นคนคิดอะไรละเอียดรอบครอบ ประกอบกับสาขาที่ท่านเชี่ยวชาญผมก็สนใจก็เลยตกลงครับ

อีกเหตุผลหนึ่ง คือ ระดับของมหาวิทยาลัย BUCM จัดเป็นมหาวิทยาลัยแนวหน้าด้านการแพทย์แผนจีน จัดอยู่ในโครงการพัฒนามหาวิทยาลัยชั้นนำในประเทศมีจำนวนทั้งหมด 112 แห่ง และเป็น 1 มหาวิทยาลัย 4 แห่งแรก ที่เป็นด้านการแพทย์แผนจีน อีก 3 แห่ง คือ เฉิงตู หนานจิง กวางเจา

การเรียนปริญญาเอกที่มหาวิทยาลัยนี้ จะเป็นหลักสูตร 3 ปี จะต้องเรียนเพื่อเก็บหน่วยกิตไม่น้อยกว่า 12 หน่วยกิต และต้องสอบวัดระดับภาษาจีนทั้ง HSK และ HSKK ระดับ 6 รวมถึงต้องเข้าฟัง 名师大讲堂 ไม่น้อยกว่า 10 ครั้ง และหลักเกณฑ์ในการจบปริญญาเอก คือ ตีพิมพ์บทความงานวิจัยในวารสารใน 核心期刊 จำนวน 2 ฉบับ หรือ วารสารที่มี SCI ที่เป็นวารสารชั้นนำในระดับสูง ซึ่งจะต้องได้ 1.5 คะแนนขึ้นไป จำนวน 1 ฉบับครับ

คณะเภสัชสมุนไพรจีนที่ผมเรียนอยู่ขณะนี้ แยกย่อยออกเป็นหลายสาขา เช่น การเพาะปลูกสมุนไพร การจำแนกสมุนไพร การสตุหรือการเตรียมสมุนไพร การหาสารสำคัญสารออกฤทธิ์หรือความเป็นพิษของสมุนไพร การแปรรูปสมุนไพร รวมถึงการวิจัยสมุนไพรทางคลินิก

สาขาที่ผมเลือกเรียน คือ สาขาการแปรรูปสมุนไพร เป็นการเรียนเรื่องการนำสมุนไพรจีนมาเปลี่ยนรูปใหม่ เช่น การกินยาสมุนไพรจีนแบบเดิม จะต้องนำสมุนไพรที่เป็นใบ เหง้าหรือราก ไปแช่น้ำและต้ม แต่การแปรรูปสมุนไพรที่ผมเรียน คือ การนำน้ำของสมุนไพรที่ต้มแล้ว ไปแปรรูปให้อยู่ใน dosage form อื่น เช่น แบบผง แบบแคปซูล หรือเม็ด โดยยังคงสรรพคุณและฤทธิ์ของสมุนไพรได้เหมือนเดิม หรือใกล้เคียงกับวิธีการเดิมมากที่สุด เพื่อให้สะดวกในการกินยาสมุนไพรจีนในชีวิตปัจจุบัน

ในการเรียนด้านเภสัชสมุนไพรจีนนั้น ผู้เรียนควรมีความรู้ความเข้าใจด้านการแพทย์แผนจีนในระดับพื้นฐานมาก่อน อาทิ ทฤษฎีการแพทย์แผนจีน นิยามกลุ่มอาการ หรือโรคต่าง ๆ ในทฤษฎีการแพทย์แผนจีน รวมถึงการใช้สมุนไพรจีนในทางคลินิก ส่วนตัวผมพอมีพื้นฐานด้านการแพทย์แผนจีนอยู่บ้างเนื่องจากปริญญาตรี และโทศึกษาด้านการแพทย์แผนจีน และได้ทำงานในด้านนี้มาช่วงเวลาหนึ่งครับ

ในห้องเรียน

ปีแรก – เป็นการเรียนในห้องเรียน โดยตอนเช้าจะนั่งรถไปเรียนที่วิทยาเขตใหม่ และกลับมาที่วิทยาเขตเก่าในช่วงเย็น เวลาที่เหลือจะเข้าไปที่แล็บเพื่อช่วยอาจารย์ที่ปรึกษา หรือเพื่อน รุ่นพี่ รุ่นน้องในการเตรียมแล็บต่าง ๆ รวมถึงคุยเกี่ยวกับแนวทางการทำวิจัยของตัวเองกับอาจารย์ที่ปรึกษา

สถานที่ที่ใช้บ่อยที่สุดในมหาวิทยาลัย คือ ห้องแล็บ ที่แทบจะเรียกได้ว่าอยู่ในนั้นเกือบตลอดเวลา แล็บที่นี่ถือว่ามีความพร้อมในการวิจัยสมุนไพรมาก เครื่องไม้เครื่องมือมีมากพอสมควร

ปีที่สอง – เป็นการปรึกษากับอาจารย์ที่ปรึกษาเพื่อตกผลึกว่าจะทำวิจัยเรื่องใด และทำแล็บแบบ pilot project เพื่อดูผลเบื้องต้นว่าผลจะมีแนวโน้มเป็นดังคาดหรือไม่ เอาจริง ๆ เป็นการทำเพื่อไม่ให้เกิดการถลำลึกและต้องไปแก้หัวข้อวิจัยในชั้นปีที่ 3 ด้วยครับ เพราะเวลาในการเรียนมีจำกัด

รอบรั้วมหาวิทยาลัย BUCM

มหาวิทยาลัยมี 2 วิทยาเขต คือ วิทยาเขตเก่าและวิทยาเขตใหม่  ผมอยู่ที่วิทยาเขตเก่าที่เดินทางเข้าเมืองค่อนข้างสะดวก หอพักและอาคารเรียนภายในวิทยาเขตนี้ค่อนข้างเก่า ไม่สามารถรื้อถอนเพื่อสร้างใหม่ได้

หอพักของนักศึกษาต่างชาติจะมี 2 ตึก คือ ตึกหน้ากับตึกหลัง ตึกหน้าจะเป็นห้องเดี่ยว ส่วนตึกหลังจะเป็นห้องคู่ ซึ่งค่าที่พักก็จะแตกต่างกัน ภายในจะมีครัวกลางให้ใช้ร่วมกัน เครื่องซักผ้ากลาง มีระบบน้ำอุ่นให้เป็นเวลา สำหรับนักศึกษาที่ขอทุนมาจะเลือกอยู่ได้เฉพาะห้องคู่ที่ตึกหลังเท่านั้น

โรงอาหารของมหาวิทยาลัย ชั้น 1-2 จะเป็นอาหารที่เป็นเหมือนข้าวราดแกงของบ้านเรา คือ ชี้แล้วตักราดบนข้าว ชั้น 3 เป็นร้านอาหารเล็ก ๆ ที่สามารถสั่งหม้อไฟอาหารที่เป้นที่นอยมของคนจีนมาทานได้

วิทยาเขตเก่า ยังมีสนามฟุตบอล โรงยิมที่มีฟิตเนส สนามแบตมินตัน โต๊ะปิงปอง ให้สมัครเข้าไปใช้บริการได้

แอดมินเฟซบุ๊คเพจ “แพทย์จีนติวเตอร์” และ “เมี่ยวซินคลินิก”

ผมเป็นแอดมินเฟซบุ๊คเพจ “แพทย์จีนติวเตอร์” และ “เมี่ยวซินคลินิก” เมื่อมีเวลาว่างจากการเรียน ผมจะอ่านงานวิจัยด้านการแพทย์แผนจีนเพื่อจะนำไปเขียนบทความไปลงในเพจ เพื่อยืนยันว่าการแพทย์แผนจีนมีการพัฒนาทันโลกอยู่ตลอดเวลา

“แพทย์จีนติวเตอร์” เป็นการให้ความรู้เกี่ยวกับการแพทย์แผนจีนในมุมต่าง ๆ โดยมุ่งเน้นคนที่สนใจในหลักทฤษฎี หรือความรู้เชิงลึกเกี่ยวกับการแพทย์แผนจีน

“เมี่ยวซินคลินิก” เป็นเพจของคลินิกส่วนตัว มีเนื้อหาเกี่ยวกับการรักษาด้วยการแพทย์แผนจีนครับ

ชีวิตนอกห้องเรียน

ตอนเรียนอยู่ที่ปักกิ่ง ผมไม่ค่อยออกไปไหนครับ ผมมีน้องชายที่มีครอบครัวอยู่ที่ปักกิ่ง ก็จะมีบ้างที่น้องชายชวนไปทานข้าวที่บ้านร่วมกันในเทศกาลต่าง ๆ  หรือ บางครั้งที่เขาไปคุยงานนอกสถานที่ ก็จะชวนผมออกไปด้วยครับ

บางครั้ง ถ้าเครียดจากการเรียนหรืองาน ก็จะออกไปปั่นจักรยานรอบ ๆ ปักกิ่ง ปั่นรอบวงแหวนที่ 3 บ้าง 2 บ้าง ได้เห็นวิว ได้จอดแวะข้างทาง กินข้าวร้านชาวบ้านทั่วไป สนุกไปอีกแบบครับ

คำแนะนำ

สำหรับใครที่สนใจและกำลังมองหาวิชาชีพทางด้านการแพทย์  แพทย์แผนจีนเป็นอีกหนึ่งในสาขาวิชาชีพที่น่าสนใจครับ เพราะนอกจากจะได้ความรู้ในด้านวิชาชีพแล้ว ก็ยังได้ปรัชญาในการใช้ชีวิตหรือดูแลคนที่คุณรักได้อีกด้วย

อัพเดทล่าสุด

Facebook

ติดตามเราบน Facebook

Youtube

ติดตามเราบน Youtube

ฝ่ายวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ประจำสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงปักกิ่ง กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
เลขที่ 21 ถนนกวงหวา เขตฉาวหยาง กรุงปักกิ่ง 100600 สาธารณรัฐประชาชนจีน อีเมล : [email protected]

© 2020-2024 Science and Technology Section, Royal Thai Embassy in Beijing Ministry of Higher Education, Science, Research and Innovation, 21 Guanghua Road, Chaoyang District, Beijing 100600 P.R.C. E-mail: [email protected]