ข่าวการแพร่ระบาดไวรัสโคโรนาในอู่ฮั่นกลายเป็นประเด็นร้อนแรงไปทั่วโลก​ ถนนที่เคยพลุกพล่าน​ด้วยผู้คนกลับเงียบเหงาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

ฉันในฐานะที่เคยเรียน​ เคยอาศัยอยู่ในมหาวิทยาลัยวิทยา​ศาสตร์​และเทคโนโลยีหวาจง​ เมืองอู่ฮั่น​ มณฑลหูเป่ย​ ตั้งแต่ช่วงปี 2014-2018 ได้มีโอกาสเดินทางไปตามเมืองต่าง ๆ​ รอบอู่ฮั่นบ้าง​ มณฑลอื่นบ้าง​ ก็ยังไม่เคยได้พบเห็นเมนูสุดประหลาดที่แชร์กันอยู่​บนโลกออนไลน์​ในขณะนี้

ด้วยความที่อู่ฮั่นเป็นเมืองที่ไม่เคยหลับไหล​ ไม่ว่าจะดึกดื่นค่อนคืนแค่ไหนคุณก็จะสามารถหาซื้อของกินได้ตลอดเวลา​ ถนนหนทางของเมืองนี้จะมีรถวิ่งขวักไขว่ตลอด ตามฟุต​บาธเต็มไปด้วยผู้คนยิ่งถ้าเป็นย่านกวางกู่ด้วยแล้ว​ ห้าทุ่มเที่ยงคืน​ที่คนไทยพากันเดินออกมากินปิ้งย่างหลังมหาวิทยาลัยก็ยังเห็นรถติดยาวเหยียด​ และประมาณสี่ทุ่มของทุกวันจะมีรถของเทศบาลมาทำการฉีดล้างถนน ความแรงของน้ำที่ออกมาจากรถล้างถนนนี้เป็นที่รู้กันถึงอิทธิฤทธิ์​เป็นอย่างดี​ ดีตรงที่ว่ามีเพลงนำมาก่อน​ แค่ได้ยินเพลงนำคนที่เดินอยู่บนทางเท้าและรถจักยานทั้งหลายก็จะหลบกันเป็นแถว​ เพราะที่นี่ล้างถนนกันทุกวันถนนหนทางทุกสายจึงสะอาดมาก​ บางทียังแอบคิดว่าสามสี่วันล้างทีก็ยังได้

กวางกู่เป็นที่ศูนย์​รวมของความทันสมัย​ ศูนย์​รวมห้างสรรพสินค้า​ แหล่งอุตสาหกรรมเทคโนโลยีย้ำยุค​ และที่ทำการบริษัท​ สมัยที่้เรียนอยู่สถานีกวางกู่เป็นป้ายแรกและป้ายสุดท้ายของสถานีรถไฟใต้ดินสาย​2 (สนามบินเทียนเหอ-กวางกู่​สแควร์)​ ค่าโดยสาร​ 7​ หยวน​(ประมาณ​ 35บาท​/ระยะทางประมาณ​ 25​ กม.) ซึ่งรถไฟใต้ดินสาย​2 เป็นสายแรกของอู่ฮั่น​เปิดใช้บริการมาตั้งแต่ปี​ 2012​ แต่จนถึงปัจจุบันอู่ฮั่นมีรถไฟใต้ดินประมาณ​ 20​สาย​ วิ่งทั่วเมือง​ และยังมี​ Tram วิ่งรอบกวางกู่อีกสองสาย​ ส่วนมหาวิทยาลัยก็มีความสะดวก​สบายเพิ่มขึ้นเพราะมีสถานีรถไฟใต้ดินอยู่หน้ามหาวิทยาลัย​ ถ้ามาจากสนามบินก็พุ่งตรงมามหาวิทยาลัยได้เลยโดยไม่ต้องเปลี่ยนสาย​ แต่ถ้านั่งแท็กซี่มาจากสนามบิน​อาจต้องเสียค่าโดยสารประมาณ​ 120-150หยวน​(ประมาณ​750 บาท) และสถานี​Tram อีก​2 สถานี​ ตั้งอยู่​ตรงหน้ามหาวิทยาลัย​ ตอนปี​2018​ ได้ทันใช้บริการ​ Tram หลายครั้ง​ แต่สถานีรถไฟ​ใต้ดินหน้ามหาวิทยาลัย​สมัยนั้นยังก่อสร้างไม่เสร็จ​ เลยต้องไปใช้บริการรถไฟใต้ดิน​ที่สถานีกวางกู่

ใจกลางย่านกวางกู่จะมีมหาวิทยาลัยใหญ่ๆ​อยู่​ 2 แห่ง​ คือ​ มหาวิทยาลัยวิทยา​ศาสตร์​และเทคโนโลยีหวาจง​ และมหาวิทยาลัย​ธรณีวิทยา​ (อู่ฮั่น)​ ซึ่งมหาวิทยาลัยธรณีวิทยา​มีสองแห่งคือปักกิ่งและอู่ฮั่น​ และทั้งสองมหาวิทยาลัย​นี้จะมีชาวต่างชาติ​ค่อนข้างมาก​ ส่วนที่มหาวิทยาลัย​ที่เรียนอยู่ในตอนนั้นน่าจะมีต่างชาติอยู่​ราว​ 3-4 พันคน​ มีคนไทย​ เกือบ​ 30​คน​ และยังไม่นับน้อง​ ๆ​ ฝั่งถงจี้ (ที่ตั้งของคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยวิทยา​ศาสตร์​และเทคโนโลยีหวาจง)ที่มาเรียนแพทย​์อีกหลายสิบคนที่อยู่อีกเขตหนึ่งของเมืองอู่ฮั่น​ และในตอนนั้นเป็นคนไทยคนแรกและคนเดียวที่มาเรียนคณะวารสารศาสตร์​ ในมหาวิทยาลัยนี้ และในชั้นปีเดียวกันไม่มีคนต่างชาติเลย​ ชาวต่างชาติจากมหาวิทยาลัย​ข้างๆ​และนักศึกษา​จีนจะชอบมากินข้าวในโรงอาหารของมหาวิทยาลัย​ เพราะมีเสียงร่ำลือว่าอาหารอร่อยกว่า​ อันนี้เพื่อนคนจีนบอกแต่ไม่ยืนยันว่าจริงเท็จ​แค่ไหน​ อาหารขึ้นชื่อคือหมาล่าทาง​ (ลักษณะเหมือนเกาเหลาหรือสุกี้น้ำ)​ และหวงเมิ่นจีฟ้าน​ (ไก่ตุ๋นยาจีนราดข้าว)​ เวลาไปกินคนขายชอบตักข้าวให้เยอะๆ​ มีเพิ่มน้ำซุปให้ด้วย​ และชอบถามว่ากินแค่นี้จะอิ่มเหรอ​

สิ่งที่ชาวบ้านร้านตลาดย่านกวางกู่คุ้นเคยก็คือชาวต่างชาติที่พูดภาษาจีนกลางด้วยสำเนียงจีนกลางแปลกๆ​ คนต่างชาติ​ที่พูดจีนได้บ้างไม่ได้บ้าง​ และคนต่างชาติที่พูดจีนไม่ได้เลย​ แต่เราก็สื่อสารกันรู้เรื่องและเข้าใจ​ แม้ว่าหลายครั้งจะสื่อสารด้วยภาษาจีนกลางสำเนียงอู่ฮั่นที่มีเอกลักษณ์​เฉพาะ​ เวลาออกไปซื้อของถ้าเจ้าของร้านรู้ว่าเป็นคนไทยก็จะรีบมาพูดคุยด้วย​ อย่างเป็นกันเอง​ และบอกว่าชอบเชียงใหม่​ พัทยา​ กรุงเทพ​ ภูเก็ต​ อยากเที่ยวเมืองไทย เจ้าของร้านอาหารตงเป่ยช่าย (อาหารอีสานของจีนแถบมณฑลเหลียวหนิงและจี๋หลิน) ข้างๆ​ มหาวิทยาลัย​เวลาที่มีคนไทยไปกินก็จะทำอาหารมาให้พิเศษ​ ปริมาณที่ให้ก็จะให้มากกว่าคนอื่น ๆ​ ถ้าหายหน้าไปนานก็จะถามถึงคนนั้นคนนี้ว่าหายไปไหนกัน


ดร.ศรีสุข​ อาชา
ศิษย์เก่า​คณะวารสารศาสตร์และการสื่อสาร​
Huazhong​ University of Science and Technology
Wuhan, Hubei