สรุปถอดความ Way Forward 2020 ครั้งที่ 10 เปิดโลกการศึกษาจีน #เรียนที่จีนอย่างไรให้ปั้ง
เรียนที่จีนอย่างไรให้ปั้ง (棒 : ยอดเยี่ยม)
- สร้างเครื่องมือสื่อสาร การเรียนรู้ทักษะภาษาใหม่ ๆ ทำให้ได้สร้างโอกาสการเรียนรู้ที่มากขึ้น เช่น วิถีคิด วัฒนธรรม และมิตรภาพ
- การปรับตัวอย่างจีน แบ่งเป็น 3 ส่วนใหญ่ ๆ ได้แก่ การกินอยู่ การสวมใส่ และการเป็นอยู่ เช่น คนจีนนิยมกินร้อน การเน้นรักษาดุลยภาพภายใน
- ยอมรับวัฒนธรรมต่าง ในแต่ละประเทศมีรากฐานประวัติศาสตร์ นโยบายการปกครอง รวมถึงสภาพภูมิอากาศที่ต่างกัน ไม่ควรตัดสินหรือวิพากษ์ความต่างของวัฒนธรรม
- ควรติดตามกระแสจีนกระแสของการขับเคลื่อนนโยบายการศึกษาที่ควรติดตาม
ศัพท์เก่าควรรู้
- 211工程 (โครงการ 211) โครงการพัฒนามหาวิทยาลัยชั้นนำในประเทศ ริ่เริ่มเมื่อปี 1995 มีจำนวนทั้งหมด 112 มหาวิทยาลัย
- 985工程 (โครงการ 985) โครงการที่ส่งเสริมมหาวิทยาลัยชั้นนำในประเทศให้ก้าวไปสู่ระดับโลก ริ่เริ่มเมื่อปี 1998 มีจำนวนทั้งหมด 39 มหาวิทยาลัย
ศัพท์ใหม่ควรติดตาม
- 双一流 (Double First-Class) โครงการพัฒนาการศึกษาระดับอุดมศึกษา ส่งเสริมให้เป็นทั้ง “มหาวิทยาลัยชั้นนำ (First Class University)” และมี “หลักสูตรชั้นนำ (First Class Academic)” ริเริ่มเมื่อปี 2015 มีจำนวนทั้งหมด 42 มหาวิทยาลัย
- 消灭水课,打造金课แนวคิดการพัฒนาการศึกษา “เฟ้นเอาแต่เนื้อ กรองน้ำทิ้ง”
- สร้างปณิธานและแรงจูงใจ การสร้างปณิธานให้สูง จะส่งผลให้แรงจูงใจสูงตาม เช่น การตั้งปณิธานว่า จะสร้างสรรค์งานวิจัยที่มีประโยชน์ต่อสังคม จะนำความรู้กลับมาพัฒนาชาติ
- เรียนที่จีนอย่างไรให้จบ1) กำหนดแผนการเรียน 2) ทำความเข้าใจและกำหนดแผนการส่งงานและบทความ 3) ใกล้ชิดอาจารย์ที่ปรึกษา 4) คบเพื่อนชาวจีนในสายและนอกสาย
- เขียนวิทยานิพนธ์อย่างไรให้จบ1) อ่านงานวิชาการในสายให้มากที่สุด 2) เค้าโครงต้องชัดเจน 3) เขียนอ่านและแก้ต่อเนื่อง 4) หาไอดอลในดวงใจ
การศึกษาในจีนจากประสบการณ์นักเรียนไทย
- มาตรฐานการศึกษา ปัจจุบันมาตรฐานการศึกษาของประเทศจีนอยู่ในระดับสากล เราควรเตรียมความพร้อมและศึกษาข้อกำหนดในแต่ละมหาวิทยาลัย เช่น การสอบวัดระดับความรู้ภาษาจีน (HSK) การสอบการสอบวัดคุณสมบัติระดับป.เอก (Qualifying Examination: QE) การตีพิมพ์บทความระหว่างการศึกษา
- การส่งเสริมนโยบายของภาครัฐรัฐบาลจีนส่งเสริมนโยบายการศึกษา การทำวิจัย อย่างจริงจัง มีงบประมาณด้านการศึกษาที่สูง ทำให้นักศึกษามีเครื่องมือการศึกษาที่ครบครัน
- เทคโนโลยีที่ทันสมัย นักศึกษาสามารถเข้าถึงฐานข้อมูลงานวิจัยที่หลากหลาย ห้องแล็บที่ทันสมัย
- การไขว่คว้าเพิ่มนอกห้องเรียน ควรศึกษาศัพท์เทคนิคภาษาจีนในสายที่ตัวเองเรียน เพื่อให้เข้าใจการบรรยายในชั้นเรียนและคู่มือการใช้งานของเครื่องมือในห้องแล็บ
- การช่วยเหลือจากคนรอบตัว ควรใกล้ชิดอาจารย์ที่ปรึกษาและเพื่อนร่วมชั้น เพื่อขอความช่วยเหลือในเรื่องต่าง ๆ เช่น การแบ่งปันข้อมูลหรือเลคเชอร์ ปัญหาระหว่างการทำวิจัย
การปรับตัวของนักเรียนไทย
- ทักษะภาษาจีน การศึกษาต่อในจีนต้องมีผลสอบวัดระดับความรู้ภาษาจีน (HSK) ระดับ 4 – 6 ถ้าไม่มีพื้นฐานจีนต้องไปเรียนปรับพื้นฐานภาษาจีนก่อนเข้ามหาวิทยาลัย 1 ปี และบางเมืองในจีนมีภาษาท้องถิ่นและสำเนียงที่แตกต่างกัน เราต้องศึกษาเพิ่มเติมเพื่อให้สามารถสื่อสารกับคนท้องถิ่นได้
- การเรียนในมหาวิทยาลัยนักเรียนส่วนใหญ่ใช้เวลาประมาณ 1 เทอมในการปรับตัวให้คุ้นชินกับการเรียนการสอนในจีน
- ด้านความเป็นอยู่ ปัจจุบันจีนมีความเจริญก้าวหน้ามากขึ้น มีแอปพลิเคชันอำนวยความสะดวกที่หลากหลาย ระบบคมนาคมที่สะดวกสบายและราคาถูก
โอกาสที่ไทยน่าเรียนรู้จากจีน
1) การส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาของภาครัฐ
2) ระบบฐานข้อมูลงานวิจัยที่หลากหลาย
3) การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีในการศึกษา
4) การฝึกฝน (อย่างหนัก) ตั้งแต่เกิด