ถ้าพูดถึงอาหาร อาหารไทยดูเหมือนว่าจะเป็นที่ขึ้นชื่อลือชาในหมู่คนจีนมากกว่าอาหารของชาติอื่นๆ หรือถ้าจะโม้ๆหน่อยก็คือ คนอู่ฮั่นน่าจะชอบกินอาหารไทย เพราะสังเกตได้จากร้านอาหารไทยในย่านกวางกู่ซึ่งเป็นแหล่งช้อปปิ้งอีกแห่งหนึ่งของคนเมืองนี้ มีอยู่ประมาณ 4 ร้าน และยังไม่นับร้านอาหารไทยในย่านช้อปปิ้งอีกหลายแห่งในเมืองนี้ รวมไปถึงฮู้ปู้เซียงถนนคนเดินที่เป็นตลาดของกินของคนอู่ฮั่นที่มีอาหารการกินแบบไทยๆขายอยู่หลายร้านในย่านนั้นด้วย อาหารไทยเป็นอาหารยอดฮิตในหมู่คนจีนในอู่ฮั่นจนถึงขนาดที่เคยมีการจัดเทศกาลอาหารไทยในย่านกวางกู่มาแล้ว
หยวนหยวนเป็นเพื่อนคนจีนชาวเมืองเซียงหยางในมณฑลหูเป่ยที่มาเรียนปริญญาเอกคณะเดียวกัน ผู้ซึ่งคอยช่วยเหลือในการลงทะเบียนเรียนและเรื่องอื่นๆ ตลอดระยะเวลา 4 ปีที่เรียนปริญญาเอกที่มหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีหวาจงในอู่ฮั่น หยวนหยวนเคยมาเที่ยวเชียงใหม่เมื่อปี 2016 เคยไปมาแล้วทั้งดอยอินทนนท์ ดอยสุเทพ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ แถมยังแอบมาชิมข้าวซอย และมาเดินถนนคนเดินวัวลายมาแล้วเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งก่อนมาเที่ยวไทยก็ได้ขอให้เราเป็นคนช่วยวางแผนว่าถ้าไปเชียงใหม่ควรไปที่ไหนและไปชิมอะไรบ้าง ครั้นพอกลับไปจีน ก็เลยพาหยวนหยวนไปกินอาหารไทยในอู่ฮั่นเพื่อพากันไปทดสอบรสชาติ
ต้มยำกุ้ง ส้มตำ ผัดไทย คืออาหารจานหลักที่คนจีนส่วนใหญ่รู้จัก แต่ร้านอาหารไทยในอู่ฮั่นกลับมีอาหารไทยหลายสิบเมนูนอกเหนือจากเมนูยอดฮิต เช่น ทอดมันกุ้ง ทอดมันปลากราย แกงเผ็ด มัสหมั่น ยำถั่วพู แหนมซี่โครง ต้มข่าไก่ ราคาของอาหารไทยที่นี่ก็จะตกประมาณจาน 70 หยวน (ประมาณ 350 บาท) และถ้าจะไปกินอาหารไทยต้องรีบไปให้ถึงร้านก่อนเที่ยงเพราะไม่อย่างนั้นก็ต้องไปรอคิว
รสชาติอาหารไทยในอู่ฮั่นมีความแตกต่างจากอาหารที่เมืองไทย เพราะคนอู่ฮั่นชอบใส่หมาล่าสมุนไพรพื้นถิ่นที่พอกินไปแล้วจะทำให้ลิ้นชา พอคนจีนที่เคยมาเมืองไทยแล้วมาลองชิมอาหารไทยที่จีนก็จะบอกว่า อาหารไทยที่เมืองไทยอร่อยกว่าที่เมืองจีน แถมยังบอกว่าคนไทยที่อยู่ที่จีนก็น่าจะทำอาหารไทยอร่อยเช่นกัน
อาหารไทยอีกอย่างที่เห็นขายหลายเจ้าในถนนคนเดินของกินฮู้ปู้เซียง คือ ข้าวหลาม ซึ่งจะเผากันในกระบอกไม้แต่ไม่มีการเลาะเปลือกแข็งออก เวลาซื้อคนขายก็จะใช้วิธีผ่าไม้ไผ่ และเป็นอาหารอีกชนิดหนึ่งที่คนที่มาเที่ยวย่านนี้ชอบมาลองชิม เพราะเห็นกระบอกไม้ไผ่ที่ผ่าแล้ววางอยู่กองย่อมๆกันเลยทีเดียว
สุดถนนของย่านนี้จะมีร้านไอติมกะทิอยู่หลายร้านก็เลยคิดว่าคนจีนน่าจะชอบกินมะพร้าวและกะทิ กะทิที่เมืองไทยเราจะเอามาทำกับข้าวหรือเอามาทำเป็นของหวาน แต่น้ำกะทิที่อู่ฮั่นกลายมาเป็นเครื่องดื่มบรรจุขวดหรือใส่กล่องพาสเจอร์ไรซ์วางขายตามร้านค้าทั่วไป ไอติมกะทิที่อู่ฮั่นรสชาติจะแตกต่างจากไอติมกะทิที่เคยกินที่เมืองไทยหรือที่เชียงใหม่ เพราะความเข้มข้นของกะทิจะน้อยกว่าและเนื้อไอติมจะเนียนกว่าแต่ไม่ได้รสสัมผัสของกะทิ ร้านไอติมกะทิที่คนไทยชอบไปกินและบอกต่อ ๆ กันให้ไปชิมจะเป็นร้านของครูสอนภาษาจีนในมหาวิทยาลัยชื่อครูยิ้ม ครูยิ้มเคยเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนมาสอนภาษาจีนที่เมืองไทยแถมยังพูดไทยได้ด้วย และไอติมกะทิร้านครูยิ้มบรรดาคนไทยที่เคยไปชิมต่างพูดกันว่ารสชาติน่าจะดีกว่าไอติมกะทิเจ้าอื่นๆในย่านนี้และมีรสชาติใกล้เคียงกับไอติกะทิที่เมืองไทย ที่สำคัญคือถ้าคนไทยไปกินเราจะได้ท้อปปิ้งมากกว่าคนอื่นทำให้ได้หายคิดถึงบ้านไปได้บ้าง นอกจากนี้ครูยิ้มยังมีเรื่องเล่าขานว่ามีน้องคนไทยที่เคยเรียนภาษาจีนกับครูยิ้มเล่าให้ฟังว่า ตอนแรกๆก็แอบคุยกันเป็นภาษาไทยในห้องเรียน สักพักครูยิ้มก็หันมามองและพูดเป็นภาษาไทยว่า ให้คุยกันเบาๆหน่อย ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา น้องๆคนไทยที่เรียนภาษาจีนกับครูยิ้มก็ไม่กล้าคุยกันในห้องเรียนอีกเลย
ดร.ศรีสุข อาชา
นักสื่อสารมวลชนชำนาญการ ส่วนข่าวและรายการภูมิภาค
สำนักประชาสัมพันธ์เขต ๓
ศิษย์เก่าคณะวารสารศาสตร์และการสื่อสาร
Huazhong University of Science and Technology
Wuhan, Hubei
#武汉加油 #武汉 #Wuhan