• คลังความรู้
  • /
  • บทความ
  • /
  • เปิดประเด็นข้อเท็จจริง “จริงหรือไม่? อเมริกาและประเทศพันธมิตร ไม่อนุญาตให้คนจีนไ…

เปิดประเด็นข้อเท็จจริง “จริงหรือไม่? อเมริกาและประเทศพันธมิตร ไม่อนุญาตให้คนจีนไ…

เปิดประเด็นข้อเท็จจริง “จริงหรือไม่? อเมริกาและประเทศพันธมิตร ไม่อนุญาตให้คนจีนไปเรียนอีกต่อไป”
.
จริงๆมีคนถามมาตั้งแต่เมื่อวันก่อน และตอบไปในข้อความส่วนตัวแล้ว ถึงกรณีมีการโพสต์เนื้อหาบนโลกโซเชียลว่า “อเมริกา และหลายประเทศในยุโรปแบนนักศึกษาจีน” เลยอยากเขียนถึงเรื่องนี้สักหน่อย เผื่อเป็นข้อมูลสำหรับทุกคนในพิจารณาข้อเท็จจริงครับ
.
1. อเมริกาไม่ได้ “ห้าม” หรือ “ไม่อนุญาต” นักศึกษาจีนเข้าไปเรียนที่อเมริกาอีกต่อไป เหมือนกับที่มีการเขียนโพสต์ออกมาและแชร์ไปเป็นจำนวนมากก่อนหน้านี้ ยังคงมีนักศึกษาจีนได้รับการตอบรับเพื่อเข้าเรียนในอเมริกา และเริ่มเดินทางไปยังอเมริกาแล้วโดยเฉพาะเดือนสิงหาคมนี้ หลังจากอเมริกาผ่อนคลายมาตรการเข้มงวดในการขอวีซ่าและเดินทางเข้าอเมริกา โดยอนุญาตให้นักเรียนจีนเดินทางเข้าอเมริกาได้ สำหรับโปรแกรมการศึกษาที่จะเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ 1 สิงหาคม 2021 เป็นต้นไป มีเงื่อนไข “เดินทางเข้าอเมริกาล่วงหน้า ไม่เกิน 30 วัน ของเวลาเปิดเทอม – เริ่มคอร์ส”
.
แต่ต้องยอมรับว่า “มีข้อจำกัดมากขึ้นจากหลายปัจจัย เช่น จากวิกฤติโควิด ค่าตั๋วค่าเดินทางแพงขึ้น ตามข้อมูลจาก SCMP (South Morning China Post) สื่อเอกชนที่รายงานเรื่องจีน นำเสนอสกู๊ป “The high price Chinese students pay for university in the US during the Covid-19 pandemic” เผยแพร่ 21 สิงหาคม 2564 ระบุ “ค่าตั๋วเครื่องบินจากจีนเข้าอเมริกา ราคาสูงมากทีเดียว ตัวอย่างเช่น ตั๋วเที่ยวเดียวจากปักกิ่งหรือเซี่ยงไฮ้ ไปยังปลายทางมหานครนิวยอร์ก บอสตัน หรือเมืองใหญ่อีกหลายเมืองในอเมริกา ต้องจ่ายเงินสูงถึงราว 20,000 หยวน ( ประมาณ 1 แสนบาท)”
.

2. เรื่องของการเมือง มีผลกระทบจริงต่อการเรียนต่อในอเมริกาของนักเรียนนักศึกษาจีน แต่ยังสามารถไปได้อยู่ ไม่ใช่ ห้าม 100% ดังที่กล่าวไปแล้วข้างต้น โดยในบทความของ SCMP (ที่อ้างอิงข้างบน) ยังระบุคำสัมภาษณ์นักศึกษาจีน
“ความสัมพันธ์ของสองประเทศยังคงมีปัญหา และกระแสชาตินิยมในจีนยิ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ การตัดสินใจเรียนต่อในอเมริกาไมใช่เรื่องง่ายเลย แต่หวังว่าจะคุ้มค่ากับเงินและอุปสรรคปัญหาต่างๆที่เจอ”
.
3. ตั้งแต่ช่วงสงครามการค้าจีนอเมริกาอย่างหนักเมื่อช่วงปี 2019 อเมริกาได้ประกาศแบนหลายสินค้าและบริษัทของจีน อย่างเช่น Huawei ซึ่งไม่เว้นแม้แต่สถาบันการศึกษาและสถาบันวิจัยในจีนที่โดนแบนไปทั้งหมด 6 แห่ง (รวมถึงมหาวิทยาลัยที่อ้ายจงเรียนจบมา) โดยล้วนเกี่ยวข้องกับสายเทคโนโลยีและวิศวกรรมของจีน มีชื่ออยู่ในบทความของสื่อจีน South China Morning Post เมื่อปี2015 ว่า เป็น TOP5 มหาวิทยาลัยจีนที่ทำโปรเจคลับและสำคัญสุดๆให้แก่จีน
.
ในฐานะที่เป็นศิษย์เก่าสถาบันที่มีอยู่ในรายชื่อแบนของอเมริกา ผมจึงสอบถามไปยังเพื่อนคนจีนที่ทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ในมหาวิทยาลัยแห่งนั้น โดยรับคำตอบว่า “เคยมีเหมือนกันที่อาจารย์ เจ้าหน้าที่ นักศึกษาปัจจุบัน และศิษย์เก่า รู้สึกว่า “ขอวีซ่าเข้าอเมริกายากขึ้นจริง”
.
4. ปี 2020 อเมริกาประกาศ “แบนและยกเลิกวีซ่านักศึกษาแก่นักศึกษาจีน” อย่างน้อย 2 รอบ สืบเนื่องมาตั้งแต่ความขัดแย้งทางการค้าในสงครามการค้าสองประเทศ โดยเหตุผลที่ยกเลิกวีซ่า อเมริกายกเหตุผล “นักศึกษาจีนเหล่านี้ มีความเกี่ยวข้องกับทางการทหารจีน และขโมยข้อมูลสำคัญของทางอเมริกาไปให้แก่ทางจีน” คาดว่ามีนักศึกษาจีนได้รับผลกระทบอย่างน้อย 3,000 – 5,000 คน จากจำนวนนักศึกษาจีนทั้งหมดที่เรียนในอเมริกาช่วงปีการศึกษา 2019-2020 372,000 คน คิดเป็นสัดส่วน 1 ใน 3 ของนักศึกษาต่างชาติหลักล้านคนในอเมริกา (อ้างอิงตัวเลขจาก China Daily สื่อจีน)
.
มีนักศึกษาจีนบางคนที่โดนแบนให้สัมภาษณ์กับสื่อ อย่างเช่น นักศึกษาหนุ่มจีนนาม “Dennis Hu” ให้สัมภาษณ์ต่อ CNN ว่า “เดินทางกลับจากอเมริกาไปยังบ้านในประเทศจีน เพื่อฉลองตรุษจีน (ช่วงจีนเกิดระบาดโควิด) และจะกลับไปต่อวีซ่าอเมริกา เพื่อกลับไปทำปริญญาเอกทางด้านวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ให้จบ แต่ปรากฏว่าเขาเป็น 1 ในนักศึกษาจีนนับพันคนที่โดนแบนวีซ่า ไม่ให้กลับไปศึกษาต่อในอเมริกา และแน่นอนว่า เขาก็เหมือนกับทุกคนที่โดนแบน ยืนยัน ไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆหรือเป็นสายลับให้กับรัฐบาลจีน”
.
5. เรื่องราวของความขัดแย้งทางการค้าและการเมือง ส่งผลกระทบต่อการไปเรียนอเมริกาของคนจีนมาสักพักใหญ่ๆแล้ว แต่ไม่ได้เป็นการแบนแบบหว่านแห ทุกมหาวิทยาลัย ทุกคน

“เหตุผลหลักๆมาจากประเด็นความปลอดภัยและความมั่นคงของประเทศ การเกรงกลัวว่าข้อมูลสำคัญจะหลุดรั่วไหลไปยังรัฐบาลจีนและกองทัพจีน ผ่านทางนักเรียนนักศึกษาและนักวิจัยจีน โดยเฉพาะทางสายวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์ และคณิตศาสตร์ หรือเรียกรวมว่า STEM
.
บทความบนเว็บไซต์ Global Times สื่อกระบอกเสียงจีน ที่เผยแพร่เมื่อกรกฎาคมปีนี้ (2021) รายงานข้อมูล “ปัจจุบัน อเมริกาปฏิเสธวีซ่าแก่นักเรียนจีนที่ตั้งใจจะไปเรียนทางสาย STEM (วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์ และคณิตศาสตร์) มากกว่า 500 คน”
.
6. อีกหนึ่งบทความบนเว็บไซต์ Global Times เมื่อพฤษภาคม 2021 Global Times รายงานข้อมูลจาก Gewai Education บริษัทแนะแนวศึกษาต่ออเมริกา ซึ่งเผยข้อมูลการขอวีซ่าอเมริกาของนักเรียนจีนจำนวนหนึ่งโดนปฏิเสธ เพราะพ่อแม่ผู้ปกครองทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงอยู่ในหน่วยงานเกี่ยวข้องกับความปลอดภัยและความมั่นคงของประเทศจีน รวมถึง หน่วยงานปราบปรามคอรัปชั่นและตรวจคนเข้าเมือง
.
7. จากมาตรการของประเทศสหรัฐอเมริกา เข้มงวดเรื่องวีซ่าแก่นักเรียนนักศึกษาจีน รวมถึงนักวิจัยจีน ด้วยเหตุผลเรื่องความปลอดภัยและความมั่นคง เคยมีการนำเสนอข่าวออกมาโดยสื่อต่างประเทศเหมือนกันว่า ประเทศพันธมิตรของอเมริกาบางประเทศ มีการดำเนินนโยบายคล้ายๆกันนี้ อย่างเช่น ญี่ปุ่น ตามการรายงานข่าวของ The Straits Times
.
และ แคนาดา ก็เคยมีการเรียกร้องให้มหาวิทยาลัยแคนาดา ระมัดระวังการทำวิจัยร่วมกับมหาวิทยาลัยและสถาบันวิจัยจีน เพราะข้อมูลอาจรั่วไหลไปถึงรัฐบาลจีน อย่างยิ่งทางการทหารจีน เป็นความวิตกกังวลและกลัวในประเด็นเดียวกันกับที่อเมริกาให้เหตุผลแบนวีซ่านักเรียนนักศึกษาและนักวิจัยจีน (ตามการรายงานของ CBC สื่อแคนาดา)
.
8. จีนตอบโต้นโยบายเข้มงวดแก่นักศึกษาจีนของอเมริกามาโดยตลอด ตั้งแต่ปี 2019 สงครามการค้าจีนอเมริกา รัฐบาลจีนออกประกาศเตือนประชาชนถึงการไปเรียนต่อและเที่ยวที่ประเทศสหรัฐอเมริกาให้ระมัดระวังในเรื่ิองของการขอวีซ่าที่มีข้อจำกัดมากขึ้น ให้ระยะเวลาอยู่ในอเมริกาลดน้อยลงกว่าที่ควรจะเป็น โดยเฉพาะส่งผลโดยตรงต่อนักศึกษาจีนที่ต้องการไปเรียนต่อที่อเมริกา
.
9. ไม่ใช่อเมริกา “เพิ่มข้อจำกัดในการขอวีซ่าแก่ชาวจีน เพียงอย่างเดียว” ประเทศจีนเองก็เข้มงวดแก่ชาวอเมริกา อย่างเช่นเมื่อช่วงเดือนมิถุนายน 2020 ทางการจีน ออกมาตรการ ‘เพิ่มข้อจำกัดในการออกวีซ่าแก่ชาวอเมริกัน ที่มีพฤติกรรมเชิงลบต่อเรื่องราวของจีนและฮ่องกง โดยในปี 2020 เป็นปีที่อเมริกายกเลิกวีซ่านักเรียนจีนหลักพันคน ตามการวิเคราะห์ของผู้เชี่ยวชาญและสื่อต่างประเทศ อาทิ ABC News และ Wall Street Journal มองว่า “เบื้องลึกไม่ใช่ประเด็นความมั่นคงอย่างเดียว แต่เป็นการต่อต้านการออกกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติที่จีนนำไปใช้กับฮ่องกง”
.
10. การแก้ไขปัญหาสมองไหล-หัวกะทิ-ประชาชนผู้มีความสามารถไปใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศ อย่างยิ่งในอเมริกา ให้กลับมายังประเทศจีน มีส่วนมาผลจากความขัดแย้งทางการเมืองและปัญหาทางการค้าจีนอเมริกา ทำให้คนจีนในอเมริกาเรียนจบ หรือทำงานในอเมริกาอยู่แล้ว ย้ายกลับจีนมากขึ้น แต่ไม่ใช่เหตุผลทั้งหมด เพราะจีนดำเนินนโยบายดึงดูดคนจีนเก่งๆให้กลับมาประเทศจีน ตั้งแต่ก่อนเกิดสงครามการค้าจีนอเมริกาและการขัดแย้งทางการเมืองอย่างหนัก
.
จากประสบการณ์จริงของอ้ายจง สมัยไปทำวิจัยที่เมืองซีอานปี 2014 ตอนนั้นที่แลปดีลกับมหาวิทยาลัยในอเมริกาและยุโรปเยอะมากในด้านทำการวิจัย
.
ภายใต้การร่วมมือแต่ละครั้ง ทางแลปและมหาวิทยาลัยจะดีลโดยตรงส่วนตัวกับอาจารย์-ศาสตราจารย์จีนที่ทำงานในอเมริกา ให้มาเป็นอาจารย์และนักวิจัยในมหาวิทยาลัยจีน โดยดึงดูดด้วยผลตอบแทนและโอกาสก้าวหน้าทางอาชีพ เพื่อให้คนเก่งหัวกะทิเหล่านี้มั่นใจว่า “คุ้มค่าในการกลับไปยังประเทศบ้านเกิดเมืองนอน” (อ่านบทความเต็มที่ผมเคยเขียนเกี่ยวกับการแก้ปัญหาสมองไหลของจีน ได้ที่ https://www.blockdit.com/posts/60785b284bbb3e0c2e04f976)
.
#สรุป อเมริกาและประเทศอื่นๆ โดยเฉพาะประเทศพันธมิตรของอเมริกา มีข้อจำกัดในการให้วีซ่าแก่ประชาชนชาวจีนจริง ในการเข้าศึกษาต่อและทำวิจัย แต่ขอเน้นย้ำว่า “ไม่ใช่การจำกัด หรือแบนแบบ 100%“ และจากตัวเลขตามที่มีรายงานออกมาจากสื่อต่างประเทศและสื่อจีนเอง จำนวนนักศึกษาจีนที่ได้รับผลกระทบ เอาแค่ในประเทศอเมริกา เป็นจำนวน “หลักพัน” จากทั้งหมด 3 แสนกว่าคนที่ศึกษาในอเมริกา ดังนั้น ไม่ใช่สัดส่วน 80% ที่โดนแบนและไล่กลับจีนแบบที่มีการแชร์ก่อนหน้านี้
.
โดยเหตุผลหลักของการแบนและจำกัดวีซ่าแก่คนจีน มาจากเหตุผล “ความมั่นคงและข้อขัดแย้งทางการเมือง” เน้นหนักไปที่การเกรงกลัวข้อมูลสำคัญหลุดไปยังรัฐบาลและทางกองทัพจีน ซึ่งสาขาการเรียนและการวิจัยที่โดนจับตามองเป็นพิเศษ ได้แก่ สาขาสาย STEM – วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์ และคณิตศาสตร์

.
อ้ายจงอ้างอิงข้อมูลจากแหล่งข่าวทั้งจีน อเมริกา และประเทศอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับประเด็นเนื้อหา โดยใช้เป็นแหล่งข่าวภาษาอังกฤษ เพื่อทุกคนที่สนใจสามารถอ่านและตรวจเช็คข้อมูลได้ครับ
-https://www.scmp.com/news/china/diplomacy/article/3145877/high-price-chinese-students-pay-university-us-during-covid-19)

– https://news.cgtn.com/news/2020-05-30/U-S-bans-some-Chinese-students-from-entering-its-borders-QUoMxQGh4Q/index.html
– https://www.bbc.com/news/world-us-canada-54097437
– https://www.bloomberg.com/news/articles/2020-09-10/u-s-revoked-over-1-000-chinese-visas-over-national-security
– https://www.theguardian.com/world/2020/sep/10/us-cancels-1000-china-student-visas-claiming-ties-to-military
– https://www.globaltimes.cn/page/202104/1222300.shtml
– https://www.globaltimes.cn/page/202105/1223713.shtml
– https://www.globaltimes.cn/page/202107/1228072.shtml
– https://global.chinadaily.com.cn/a/202008/13/WS5f3491d4a31083481725ffd7.html
– http://www.chinadaily.com.cn/a/202107/07/WS60e4dde8a310efa1bd6601c7_2.html
– https://www.straitstimes.com/asia/east-asia/japan-to-tighten-checks-on-visa-applications-by-chinese-students-researchers-over
– https://www.cbc.ca/news/politics/china-canada-universities-research-waterloo-military-technology-1.5723846

#อ้ายจง #เล่าเรื่องเมืองจีน #ชีวิตในจีน #จีน #อเมริกา #เรียนต่ออเมริกา #แบนวีซ่า

ขอบคุณที่มาของข้อมูล :
แฟนเพจอ้ายจง

อัพเดทล่าสุด

Facebook

ติดตามเราบน Facebook

Youtube

ติดตามเราบน Youtube

ฝ่ายวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ประจำสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงปักกิ่ง กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
เลขที่ 21 ถนนกวงหวา เขตฉาวหยาง กรุงปักกิ่ง 100600 สาธารณรัฐประชาชนจีน อีเมล : [email protected]

© 2020-2024 Science and Technology Section, Royal Thai Embassy in Beijing Ministry of Higher Education, Science, Research and Innovation, 21 Guanghua Road, Chaoyang District, Beijing 100600 P.R.C. E-mail: [email protected]