สตอกโฮล์ม, 12 มี.ค. (ซินหัว) — ผลการศึกษาระหว่างประเทศที่เผยแพร่ผ่านวารสารพีเอ็นเอเอส (PNAS) ในสัปดาห์นี้ เปิดเผยว่าละอองเกสรในอากาศที่มีความเข้มข้นสูง ส่งผลให้อัตราการติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ที่ก่อโรคโควิด-19 สูงขึ้น เนื่องจากละออกเกสรยับยั้งระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายของมนุษย์
คณะนักวิทยาศาสตร์ผู้ทำการศึกษาแนะนำคนกลุ่มเสี่ยงสูงสวมหน้ากากกรองอนุภาคในช่วงฤดูใบไม้ผลิที่มีความเข้มข้นของละอองเกสรสูง ซึ่งแม้ละออกเกสรจะไม่ได้เป็นตัวแพร่กระจายเชื้อไวรัสฯ แต่ยับยั้งการปล่อยสารบางชนิดที่กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายมนุษย์
“มนุษย์ทุกคนได้รับผลกระทบจากเรื่องนี้ รวมถึงผู้ที่ไม่มีอาการแพ้ละอองเกสรด้วย โดยผลกระทบนั้นไม่ได้เกิดจากละอองเกสรก่อภูมิแพ้เพียงอย่างเดียว แต่ยังรวมถึงละอองเกสรประเภทอื่นด้วย” อาสล็อก ดาห์ล นักวิจัยละออกเกสรจากมหาวิทยาลัยโกเธนเบิร์ก ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้วิจัยการระบาดวิทยาว่าด้วยความสัมพันธ์ระหว่างอัตราการติดเชื้อและระดับละอองเกสรในอากาศจาก 31 ประเทศทั่วโลก
คณะนักวิทยาศาสตร์พบว่าหากปราศจากมาตรการล็อกดาวน์ ระดับของละออกเกสร 100 เรณูต่อลูกบาสก์เมตร ส่งผลให้อัตราการติดเชื้อเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ยร้อยละ 4
“มาตรการล็อกดาวน์ทำให้ผลกระทบจากละอองเกสรลดลงครึ่งหนึ่งเมื่อเทียบกับระดับละอองเกสรที่เท่ากัน แต่ยังมีความเชื่อมโยงสำคัญระหว่างละอองเกสรกับจำนวนผู้ติดเชื้ออยู่” ดาห์ลกล่าว พร้อมเสริมว่าเพื่อลดความเสี่ยงนี้ ทุกคนโดยเฉพาะคนกลุ่มเสี่ยงควรสนใจรายงานเกี่ยวกับละอองเกสร และการใช้หน้ากากเอฟเอฟพี2 (FFP2) เป็นอีกหนึ่งวิธีป้องกันตัวเอง
ดาห์ลยังแนะนำไม่ให้เปิดหน้าต่างในช่วงที่มีละอองเกสรเข้มข้นสูงในอากาศ สระผมเมื่อกลับถึงบ้าน เปลี่ยนเสื้อผ้า หมั่นซักปลอกหมอนและผ้าปูที่นอน ดูดฝุ่นบ่อยๆ และไม่ตากเสื้อผ้านอกบ้าน รวมถึงละอองเกสรสามารถติดมากับขนของสัตว์เลี้ยงที่อยู่นอกบ้านได้ และผู้ที่ไม่มีอาการแพ้ละอองเกสรควรป้องกันตัวเองอย่างรัดกุมด้วย
ขอบคุณที่มาของข้อมูล :
Xinhua
